ปธน. ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีเพิ่ม 25% กับรถยนต์-ชิ้นส่วนรถยนต์ ภาษีรถยนต์มีผล 2 เม.ย. แต่ภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ให้มีผล 3 พ.ค. 2025

ปธน. ทรัมป์ประกาศเก็บ ภาษี เพิ่ม 25% กับรถยนต์-ชิ้นส่วนรถยนต์ ภาษีรถยนต์มีผล 2 เม.ย. แต่ภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ให้มีผล 3 พ.ค. 2025

คืนผ่านมา 26 มีนาคม 2025 ทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ได้ลงนามในประกาศบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีขึ้น 25% กับรถยนต์ที่ไม่ได้ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา สหรัฐจะเก็บภาษีกับประเทศต่างๆ ที่ทำธุรกิจกับสหรัฐ และยังทำให้คนอเมริกันสูญเสียงาน สูญเสียความมั่งคั่ง เอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากสหรัฐอเมริกาในช่วงหลายปีผ่านมา

นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า มาตรการเก็บภาษีขึ้น 25% มีผลตั้งแต่เที่ยงคืน 1 นาทีของวันที่ 2 เมษายน 2025 และสหรัฐอเมริกาจะเริ่มเก็บเงินภาษีดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2025 จากมาตรการนี้ จะทำให้สหรัฐอเมริกามีรายได้ใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.4 ล้านล้านบาท

ด้านทำเนียบขาว เปิดเผยว่า อัตราภาษีดังกล่าวไม่เพียงบังคับใช้กับรถยนต์สำเร็จรูปที่ผลิตและนำเข้ามาจากต่างประเทศเท่านั้น แต่จะบังคับใช้กับชิ้นส่วนรถยนต์สำคัญ ได้แก่ เครื่องยนต์ ชุดส่งกำลัง เกียร์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ นอกจากนี้ อาจมีการขยายมาตรการภาษีครอบคลุมเพิ่มขึ้นกับชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆด้วย

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ในการประกาศคำสั่งมาตรการเก็บภาษีขึ้น 25% ที่มีผลบังคับใช้กับทั้งรถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์ในวันที่ 2 เมษายน 2025 นั้น ในส่วนของชิ้นส่วนรถยนต์ พบว่าในประกาศคำสั่งดังกล่าวระบุว่าให้มีเวลาผ่อนปลน 1 เดือน เนื่องจากจะต้องขึ้นอยู่กับวันที่จะกำหนดการเก็บเงินภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งจะมีการระบุอย่างชัดเจนในประกาศลงทะเบียนอัตราภาษีแห่งรัฐต่อไป อย่างไรก็ตาม วันที่บังคับใช้อย่างชัดเจนกับชิ้นส่วนรถยนต์จะไม่เกินภายในวันที่ 3 เมษายน 2025 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคมผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐให้ชะลอการเก็บภาษีขึ้น 25% กับสินค้าของแคนาดาและเม็กซิโกที่ใช้สิทธิข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แคนาดา หรือ USMCA เป็นเวลา 1 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมเป็นต้นไป โดยให้คำสั่งชะลอการเก็บภาษีดังกล่าวมีผลสิ้นสุดในเวลา 23.59 น.ของวันที่ 1 เมษายน 2025

การลงนามในคำสั่งดังกล่าวในคืนผ่านมา จะครอบคลุมถึงการประกาศของทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา ที่ประกาศในคืนวันพุธให้ชะลอการเก็บขึ้นภาษี 25% กับรถยนต์ที่ผลิตและส่งมาจากประเทศแคนาดา และเม็กซิโก เป็นเวลา 1 เดือน โดยรถยนต์ที่ผลิตจากบริษัทใดก็ตามที่นำเข้ามาจากทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว และปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แคนาดา หรือ USMCA จะได้รับการยกเว้นไม่เก็บอัตราภาษีเพิ่มขึ้น 25% ตามคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 1 เดือน

สำหรับสินค้าที่ใช้สิทธิตามข้อตกลงเขตการค้าเสรี USMCA ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่เก็บขึ้นภาษีอีก 25% นั้น พบวครอบคลุมสินค้าราว 50% ที่มาจากเม็กซิโก และครอบคลุมราว 30% ที่มาจากแคนาดา อย่างไรก็ตามในภาพรวมของสินค้า ซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อตกลงดังกล่าว ที่มาจากทั้ง 2 ประเทศนั้น ยังพบว่า สหรัฐอเมริกายังคงเก็บภาษีเพิ่ม 25% ครอบคลุมกับสินค้าราว 50% และ 60% จากเม็กซิโกและแคนาดาตามลำดับ และมีผลมาตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2025 แล้ว

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2025 ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ว่า อาจจะเป็นวันที่ 2 เมษายน ผมอยากจะลงนามสั่งวันที่ 1 เมษายน แต่คิดว่าจะเป็นวันที่ 2 เมษายนนี้ สำหรับมาตรการเก็บภาษีนำเข้าชุดต่อไปที่จะประกาศใช้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากคณะทำงานด้านภาษีสินค้านำเข้าได้ส่งสรุปรายงานมาให้เป็นที่เรียบร้อยหลังจาก เมื่อวานนี้ได้ลงนามในแผนการจัดเก็บภาษีเท่าเทียมหรือภาษีต่างตอบแทนระหว่าง 10 ถึง 20% กับทุกประเทศทั่วโลกที่เก็บภาษีส่งออกสินค้าจากสหรัฐอเมริกา

โกลบอล ดาต้า เปิดเผยว่าแบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยุโรป ที่ส่งรถยนต์เข้าไปขายในตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกาจะเผชิญกับปัจจัยลบจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ที่จะประกาศในวันที่ 2 เมษายนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สถิตินำเข้ารถยนต์จากต่างชาติมาจำหน่ายเมื่อเทียบกับยอดขายในสหรัฐอเมริกา มีดังนี้ตามลำดับ 1.โฟล์คสวาเก้น(เยอรมนี) 80% 2.ฮุนได(เกาหลีใต้) 65% 3.เมอร์เซเดส เบนซ์(เยอรมนี) 63% 4.เรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ (ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น) 53% 5.บีเอ็มดับเบิลยู (เยอรมนี) 52% 6.โตโยต้า(ญี่ปุ่น) 51% 7.จีเอ็ม(สหรัฐ) 46% 8.สเตลแลนติส(ยุโรป-สหรัฐ) 45% 9.ฮอนด้า(ญี่ปุ่น) 35% และ 10.ฟอร์ด(สหรัฐ) 21% จะเห็นได้ว่ารถยนต์จากแบรนด์เยอรมนีหรือยุโรป และฮุนไดหรือเกาหลีใต้เข้าข่ายรับผลกระทบมากที่สุด

ย้อนกลับไปในช่วงการหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบว่า ทรัมป์มีความคิดที่ต้องการให้บริษัทผลิตรถยนต์ของเยอรมนีกลายมาเป็นบริษัทของสหรัฐอเมริกา ในปี 2024 สหรัฐอเมริกานำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์รวมเป็นมูลค่า 471,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 16 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรถยนต์มูลค่า 214,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 7.28 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 45% ของการนำเข้าทั้งหมด และชิ้นส่วนมูลค่า 192,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.53 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 41% ของการนำเข้าทั้งหมด และรถบรรทุก รถโดยสาร และยานยนต์เฉพาะกิจมูลค่า 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.21 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 14% ของการนำเข้าทั้งหมด

ในด้านประเทศที่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่เป็นรายใหญ่อันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐอเมริกา เรียงตามลำดับ ได้แก่ 1.เม็กซิโก 49,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.67 ล้านล้านบาท 2.ญี่ปุ่น 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.36 ล้านล้านบาท 3.เกาหลีใต้ 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.26 ล้านล้านบาท 4.แคนาดา (28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 952,000 ล้านบาท และ 5.เยอรมนี 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 850,000 ล้านบาท

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles