เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าได้ลงนามในประกาศคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและกฎหมายการค้า ให้ดำเนินการจัดเก็บอัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ที่ 50% กับสินค้านำเข้าจากประเทศบราซิล ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
สำหรับอัตราภาษีที่ 50% นั้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศปรับขึ้นอีก 40% จากเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ประกาศไว้ 10% อัตราภาษีที่ 50% จะบังคับใช้กับหลากหลายสินค้าของประเทศบราซิล อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐอเมริกายกเว้นการเก็บอัตราภาษีเต็มเพดานที่ 50% กับสินค้าบางชนิด เช่น น้ำผลไม้ พลังงาน ชิ้นส่วนและอะไหล่ที่เกี่ยวข้องกับอากาศยาน หรือเครื่องบิน เป็นต้น
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์จดหมายระบุข้อความการเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับประเทศบราซิล ระบุว่า สำหรับบราซิล ผมรู้จักและติดต่อเจรจากับอดีตประธานาธิบดีไจร์ โบลโซนาโร และมีความเคารพอย่างมากเช่นเดียวกับผู้นําประเทศอื่น ๆ แต่ในปัจจุบัน วิธีการที่บราซิลปฏิบัติต่ออดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโร ซึ่งเป็นผู้นําที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงทั่วโลกในช่วงระหว่างการดํารงตําแหน่งของอดีตปธน. รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย วิธีการในปัจจุบันเป็นความอับอายในระดับนานาชาติ การดำเนินการพิจารณาคดีความกับอดีตปธน. โบลโซนาโร ในลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้น นี่คือพฤติกรรมการล่าแม่มดที่ควรจบลงทันที!
นอกจากนี้ บราซิลยังโจมตีด้วยความร้ายกาจในการเลือกตั้งเสรี และสิทธิเสรีภาพในการพูดขั้นพื้นฐานของชาวอเมริกัน ดังที่แสดงให้เห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้เมื่อศาลฎีกาบราซิล ซึ่งได้ออกคําสั่งทางกฎหมายหลายร้อยฉบับที่มีลักษณะบังคับใช้อย่างผิดกฎหมายกับแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลของประเทศสหรัฐอเมริกา และคุกคามบริษัทแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลของสหรัฐอเมริกา ด้วยค่าปรับหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ และการขับไล่ออกจากตลาดสื่อโซเชียลของบราซิล ดังนั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 สหรัฐอเมริกาเรียกเก็บภาษีบราซิลเพิ่ม 50% สําหรับผลิตภัณฑ์บราซิลใด ๆ และทั้งหมดที่ส่งไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งอัตราภาษีนี้แยกออกจากอัตราภาษีรายสินค้า และรายอุตสาหกรรมทั้งหมด สินค้าที่ขนย้ายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร 50% นี้จะต้องเสียภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นอีก
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกามีเวลาหลายปีในการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐอเมริกากับบราซิล และได้ข้อสรุปว่า สหรัฐอเมริกาต้องออกห่างความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีมาอย่างยาวนาน และไม่ยุติธรรมอย่างมากๆ ที่เกิดจากกฎหมายภาษีศุลกากรของบราซิล รวมถึงกฎหมายที่ไม่ใช่ภาษี นโยบายและอุปสรรคทางการค้า น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ของเรายังห่างไกลซึ่งกันและกัน
โปรดเข้าใจว่าด้วยว่า อัตราภาษีเก็บที่ 50% นั้น ยังน้อยไปกับความจําเป็นในการมีสนามแข่งขันในระดับที่สหรัฐอเมริกาต้องการมีกับประเทศของคุณ และจําเป็นต้องมีสิ่งนี้เพื่อแก้ไขความอยุติธรรมอย่างร้ายแรงของระบอบการปกครองปัจจุบันในบราซิล อย่างที่คุณทราบ จะไม่มีภาษีศุลกากร หากบราซิลหรือบริษัทในประเทศของคุณตัดสินใจสร้าง หรือผลิตผลิตภัณฑ์ภายในสหรัฐอเมริกา และในความเป็นจริง สหรัฐอเมริกาจะทําทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว เป็นมืออาชีพ และเป็นประจํา — กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในเวลาไม่กี่สัปดาห์
ด้านนายลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวาประธานาธิบดีบราซิล เปิดเผยว่ารัฐบาลประเทศบราซิลจะพิจารณามาตรการในการตอบโต้ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ประเทศบราซิลจะประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีสูง 50% กับสินค้าของสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งจดหมายแจ้งเก็บขึ้นอัตราภาษีสูงถึง 50% กับสินค้าของประเทศบราซิล
ทั้งนี้ประเทศบราซิลมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในลาตินอเมริกาหรือภูมิภาคอเมริกาใต้นอกจากนี้ประเทศบราซิล ยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 15 คู่ค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2024 ที่ผ่านมามูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศอยู่ที่ 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3 ล้านล้านบาท ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ดุลการค้ากับประเทศบราซิลที่ 7,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 244,000 ล้านบาท