ปธน.ทรัมป์เผยสหรัฐตกลงปิดดีลภาษีกับเวียดนามสำเร็จ เก็บภาษีต่างตอบแทนสินค้าเวียดนามลดจาก 46% เหลือ 20% เก็บ 40% สินค้าส่งผ่านเวียดนามไปสหรัฐ เวียดนามมาเหนือเมฆ ไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ เวียดนามใช้ 3 เดือนเจรจา 4 รอบ

ปธน.ทรัมป์เผย สหรัฐ ตกลงปิดดีลภาษีกับ เวียดนาม สำเร็จ เก็บภาษีต่างตอบแทนสินค้าเวียดนามลดจาก 46% เหลือ 20% เก็บ 40% สินค้าส่งผ่านเวียดนามไปสหรัฐ เวียดนามมาเหนือเมฆ ไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ เวียดนามใช้ 3 เดือนเจรจา 4 รอบ

วันนี้ 2 กรกฎาคม 2025 เมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาในกลุ่มวอชิงตันตีสี่ประเทศสหรัฐอเมริกาหรือตรงกับเวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ช้ำโพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียล ดังนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ประกาศว่า ผมได้ทําข้อตกลงการค้ากับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามหลังจากพูดคุยกับนายโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง สิ่งนี้กลายเป็นความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่มากระหว่างสองประเทศ ข้อกำาตกลงที่กำหนดไว้ คือเวียดนามเสียภาษีสินค้านำเข้า 20% ให้กับสหรัฐอเมริกากับทุกประเภทสินค้า และสินค้าทั้งหมดที่ส่งเข้ามาในสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกัน เวียดนามจะเสียภาษีศุลกากรที่ 40% สําหรับการขนส่งสินค้าผ่านเวียดนามไปยังสหรัฐอเมริกา

ในทางกลับกัน เวียดนามจะปฏิบัติในสิ่งที่ไม่เคยทํามาก่อน โดยให้สหรัฐอเมริกาสามารถเข้าถึงตลาดการค้าของเวียดนามได้ทั้งหมด กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือเวียดนามเปิดตลาดให้สหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายความว่าสหรัฐอเมริกาจะสามารถขายสินค้าของสหรัฐอเมริกาไปยังเวียดนามได้ในภาษีเป็นศูนย์ หรือ ZERO Tariff

สิ่งนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมว่า รถยนต์ประเภทเอสยูวี หรือบางครั้งเรียกว่ายานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ หรือ Large Engine Vehicle ซึ่งขายได้ดีมากในสหรัฐอเมริกา จะกลายเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสําหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายในตลาดเวียดนาม การเจรจากับเลขาธิการพรรคฯ นายโต เลิม แห่งเวียดนาม ซึ่งเป็นการเจรจาด้วยส่วนตัวนั้น นับเป็นความยินดีอย่างที่สุด ขอบคุณที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้!

สำหรับประเทศเวียดนามนั้น อัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ที่ผ่านมานั้นให้จัดเก็บในอัตราสูงถึง 46% ซึ่งมากเป็นอันดับ 3 ในขณะที่ เก็บไทยที่ 36% อยู่อันดับ 5 ของอาเซียน ดังนั้น จากข้อความของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำสะท้อนให้เห็นถึงการเจรจาที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของประเทศเวียดนาม ด้วยการลดอัตราภาษีดังกล่าวลงมาถึง 26% จากเดิมที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา

ความสำเร็จในการเจรจาดังกล่าว พบว่ารัฐบาลเวียดนามต้องเปิดการเจรจากับทางการสหรัฐอเมริกาถึง 4 รอบ จึงจะประสบความสำเร็จ และได้รับการประกาศโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันนี้ โดยครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่เกาะเชจู เกาหลีใต้ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21-22 พฤษภาคมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และครั้งที่ 4 เป็นครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ซึ่งมีนายโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้เดินทางไปด้วยตัวเองและคณะเจรจา เพื่อพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

ก่อนหน้านี้ ควอร์ทส (Quartz) ซึ่งเป็นสื่อด้านวงการธุรกิจชื่อดังในสหรัฐ เปิดเผยว่า เวียดนามได้อนุมัติโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้กับธุรกิจในเครือบริษัทชื่อว่า ทรัมป์ ออร์แกนไนเซชั่น ด้วยมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 49,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนก่อสร้างทางภาคเหนือของประเทศเวียดนามด้วยพื้นที่ 6,325 ไร่ โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมลงทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนามมีชื่อว่า Kinhbac City จะเป็นการสร้างสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุมถึง 3 สนาม สร้างโครงการที่อยู่อาศัยระดับหรูหรา ทำให้เป็นโครงการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของทรัมป์ ออร์แกนไนเซชั่น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก สำหรับสนามกอลฟ์นั้น คาดว่าจะเปิดบริการได้ 2 สนามแรกในปี 2027 อย่างไรก็ตาม สื่อดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าการอนุมัติโครงการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีและการค้าของเวียดนามกับสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปี 2024 ผ่านมา มีมูลค่าการค้าเกินมากเป็นอันดับที่ 4 กับสหรัฐอเมริกาที่ 123,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.08 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่ขนาดที่ 6 ของสหรัฐอเมริกา โดยส่งออกสินค้าไปขายสหรัฐอเมริกามีมูลค่า 137,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.52 ล้านล้านบาท ในขณะที่ประเทศเวียดนามมีการเกินดุลการค้าใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา ตามหลังจีนและเม็กซิโก ในขณะที่ ปี 2024 สหรัฐอเมริกาส่งออกสินค้าไปเวียดนามมีมูลค่าเพียง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 495,000 ล้านบาท

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles