ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เซอร์ เคียร์สตาร์เมอร์ ได้ลงนามข้อตกลงภาษีและการค้าที่ประเทศแคนาดาในการประชุมกลุ่มผู้นำประเทศพัฒนาแล้ว 7 ชาติยักษ์ใหญ่ หรือกลุ่มจี 7 การลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ส่งผลให้สหรัฐอเมริกาปรับลดอัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs เป็นประเทศแรกกับสหราชอาณาจักร ตามผลการเจรจาที่ตกลงกันเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2025 ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า หลังจากมีการลงนามของผู้นำสูงสุดทั้ง 2 ฝ่ายในวันนี้ จะมีการประกาศลงในกฎหมายทะเบียนกลางแห่งรัฐของสหรัฐอเมริกา และรออีก 7 วันจึงจะมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีที่สหรัฐบังคับใช้ในปัจจุบัน ซึ่งไม่รวมอยู่ในภาษีต่างตอบแทน ได้แก่ ภาษีเหล็ก และอลูมิเนียม ยังคงบังคับใช้กับสหราชอาณาจักรตามเดิม ไม่ได้มีการปรับลดแต่อย่างใด นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เซอร์ เคียร์สตาร์เมอร์ กล่าวว่านับเป็นวันดีสำหรับทั้ง 2 ประเทศ เป็นสัญญาณของความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งแท้จริง ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศสุดวิเศษอย่างมาก
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2025 ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลมีเดียว่า เป็นวันที่เหลือเชื่อสําหรับอเมริกา เพราะสหรัฐอเมริกาได้ส่งมอบข้อตกลงการค้าที่ยุติธรรม เปิดกว้าง และต่างตอบแทนกันครั้งแรกของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่อดีตประธานาธิบดีคนก่อนของสหรัฐอเมริกาไม่เคยใส่ใจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งของเราอย่างสหราชอาณาจักร
สหรัฐอเมริกาบรรลุข้อตกลงการค้าครั้งประวัติศาสตร์ครั้งแรกนับตั้งแต่วันประกาศอิสรภาพ ในฐานะที่สหรัฐอเมริกาเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนี้ สหรัฐอเมริกาจะมีรายได้ภายนอกเพิ่มขึ้น 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 198,000 ล้านบาท ซึ่งได้มาจากการเก็บภาษีศุลกากร 10% ได้โอกาสการส่งออกใหม่ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 165,000 ล้านบาทให้สําหรับเกษตรกร ชาวสวน และผู้ผลิตที่ยอดเยี่ยมของเรา และเพิ่มความมั่นคงแห่งชาติของทั้งสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ผ่านการสร้างเขตการค้าด้านอลูมิเนียม และเหล็ก และห่วงโซ่อุปทานเวชภัณฑ์ที่ปลอดภัย ข้อตกลงนี้แสดงให้เห็นว่า หากคุณเคารพสหรัฐอเมริกา และนําข้อเสนอที่จริงจังมาสู่โต๊ะการเจรจา สหรัฐอเมริกาก็เปิดกว้างสําหรับธุรกิจ การเจรจาข้อตกลงอีกมากมายที่จะตามมา
วันนี้ 8 พฤษภาคม 2025 เวลา 10.00 น. ตามเวลาในกรุงวอชิงตันดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำเนียบขาวประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ทรัมป์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าผู้แทนการค้าสหรัฐ ร่วมแถลงข่าวพร้อมกับนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เซอร์ เคียร์สตาร์เมอร์ ซึ่งร่วมแถลงโดยใช้ระบบโทรศัพท์ทางไกลจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เกี่ยวกับความสำเร็จของข้อตกลงการค้าและภาษีของทั้ง 2 ประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรกล่าวว่า วันนี้นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของการค้าทั้งสองประเทศ
สำหรับในภาพรวมนั้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกาตกลงที่จะไม่เปลี่ยนแปลงอัตราภาษีต่างตอบแทนเก็บ 10% กับสินค้าที่นำเข้ามาจากสหราชอาณาจักรตามที่ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเก็บภาษีในภาพรวมนำเข้าจากสหราชอาณาจักรที่ 3.4% ส่งผลให้มีรายได้จากอัตราภาษีดังกล่าวเข้าสู่สหรัฐอเมริกา 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 198,000 ล้านบาท เปิดการเข้าถึงตลาดสินค้าในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นโอกาสการส่งออกใหม่ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 165,000 ล้านบาท ได้แก่ เอธานอล เนื้อวัว ซีเรียล ผลไม้ ผัก อาหารสัตว์ ยาสูบ เครื่องดื่มทั่วไป อาหารทะเล สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล และอื่นๆ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา ได้ร่วมแถลงเพิ่มเติมว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรตกลงที่จะซื้อ เครื่องบินโบอิ้งของสหรัฐอเมริการวมเป็นมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 330,000 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะยกเลิกการเก็บภาษีเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ ที่ใช้ในการประกอบกับเครื่องบิน ในขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวเสริมว่าได้ประกาศลดอัตราภาษีรถยนต์สำหรับยี่ห้อโรลส์-รอยส์จากสหราชอาณาจักร ซึ่งเดิมเก็บที่ 25% ลงมาอยู่ที่ 10% ด้วย
สำหรับสหราชอาณาจักร เห็นชอบที่จะลดอัตราภาษีเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาลงมาเหลือเพียงเพียง 1.8% จากเดิมที่เก็บในอัตรา 5.1% นอกจากนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าจากสหราชอาณาจักรเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบดังนี้ รถยนต์ที่ผลิตและส่งออกจากสหราชอาณาจักรจำนวน 100,000 คัน ให้ลดภาษีจาก 27.5% เหลือ 10%
ภาคอุตสาหกรรมเหล็กของสหราชอาณาจักรได้รับการยกเลิกการเก็บอัตราภาษี 25% คงเหลือ 0% การส่งออกเนื้อวัวจากสหรัฐราชอาณาจักรจำนวน 13,000 ตันได้รับการยกเว้นไม่เก็บภาษีนำเข้าแต่อย่างใด ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหรัฐราชอาณาจักรยกเลิกการเก็บภาษีเอสเทลทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเบียร์ เป็นต้น