ปธน.สหรัฐตีชิ่งกระทบธนาคารกลางสหรัฐ อัดไม่แก้ปัญหาที่สร้างไว้กับเงินเฟ้อสูง จะใช้วิธีตนเองแก้ปัญหา

ปธน.สหรัฐตีชิ่งกระทบธนาคารกลาง สหรัฐ อัดไม่แก้ปัญหาที่สร้างไว้กับ เงินเฟ้อ สูง จะใช้วิธีตนเองแก้ปัญหา

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนบัญชีส่วนตัวของสื่อโซเชียลทรูธ ว่า เพราะนายเจ พาวเวลล์ (นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา) และธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาล้มเหลวที่จะหยุดปัญหา ที่สร้างขึ้นไว้กับเงินเฟ้อ ผมจะจัดการเองทั้งหมดผ่านการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการผลิตพลังงาน กฎระเบียบ การค้าระหว่างประเทศ และการผลิตอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงกับมติการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐในคืนผ่านมา

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 มกราคมผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวแถลงผ่านระบบทางไกลในที่ประชุมสภาเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ว่า ต้องการให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงโดยทันที ซึ่งไม่ได้เอ่ยชื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาโดยตรง

ย้อนกลับไปช่วงหาเสียงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงกำลังทำลายเศรษฐกิจสหรัฐ ถ้าผมได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย ผมจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง และทำให้เงินเฟ้อลดลง เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อเบคอนได้อีก ซื้อแซนวิชแฮมได้อีก และมีเงินที่จะเข้าไปกินอาหารร้านอาหารได้

ในคืนผ่านมาตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดไม่มีความจำเป็นที่จะเร่งรีบ ที่จะจะต้องปรับนโยบายการเงินหรืออัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันมีความเหมาะสมดีกับปัจจัยความท้าทายในขณะนี้ เมื่อมองออกไปจะมีความเสี่ยงหลายอย่าง หากลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเชิงรุกเกินไป เฟดรู้ว่า การลดอัตราดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป หรือลดมากจนเกินไป อาจเป็นอุปสรรคต่อความคืบหน้าของการลดต่ำลงของอัตราเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25 ถึง 4.5% เท่าเดิม ส่งผลเป็นการตึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบปี 2025 นี้ และเป็นครั้งแรกใน 4 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 หลังจากได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงถึงสามครั้งต่อเนื่องรวมลดลง 1.0% ในปี 2024 ผ่านมา

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles