ปธน.สีจิ้นผิงหยอดคำหวานโปรยยาหอมต้องการเวียดนามเป็นพันธมิตรต้านสหรัฐ หนุนลงทุน 3 เส้นทางรถไฟทางเหนือเวียดนามเข้าจีน ให้ส่งออกเข้าจีนเพิ่ม ร่วมลงทุนเครือข่าย 5G และเอไอจีนกับเวียดนาม

ปธน. สีจิ้นผิง หยอดคำหวานโปรยยาหอมต้องการ เวียดนาม เป็นพันธมิตรต้านสหรัฐ หนุนลงทุน 3 เส้นทางรถไฟทางเหนือเวียดนามเข้าจีน ให้ส่งออกเข้าจีนเพิ่ม ร่วมลงทุนเครือข่าย 5G และเอไอจีนกับเวียดนาม

นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามในวันนี้ 14 เมษายน 2025 เมื่อเวลาประมาณ 14:00 น. ตามเวลาในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นการเริ่มต้นเดินทางตลอด 5 วันในสัปดาห์นี้ เพื่อเยือน 3 ประเทศในอาเซียน ได้แก่เวียดนาม ซึ่งนับเป็นการเยือนประเทศเวียดนามครั้งที่ 2 ในรอบ 18 เดือนผ่านมา กัมพูชา ซึ่งนับเป็นการเยือนประเทศกัมพูชาครั้งแรกในรอบ 9 ปี และมาเลเซีย ซึ่งนับเป็นการเยือนประเทศมาเลเซียครั้งแรกในรอบ 12 ปี โดยไม่มีประเทศไทย สำหรับประเทศเวียดนามเป็นประเทศแรกที่นายสีจิ้นผิงจะใช้เวลาสองวันในประเทศเวียดนาม

นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เข้าพบกับประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีประเทศเวียดนาม พร้อมเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนพร้อมที่จะสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าในโครงการเส้นทางรถไฟสามเส้นทางเชื่อมต่อทางภาคเหนือของเวียดนามเข้าไปยังประเทศจีน สนับสนุนให้ประเทศเวียดนามเพิ่มการส่งออกมากขึ้นเข้าไปในประเทศจีน และพร้อมให้ความร่วมมือในการร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาเครือข่ายทุรกรรมนาคมระบบ 5G และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีอื่นๆ ของจีนกับเวียดนาม โดยเฉพาะประเทศจีนต้องการที่จะให้ประเทศเวียดนามสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ซึ่งผลิตโดยประเทศจีนมียี่ห้อว่าโคแมค (COMAC) ซึ่งยังคงเป็นปัญหาของรัฐบาลจีนในการที่จะจูงใจให้ต่างประเทศซื้อเครื่องบินพาณิชย์ยี่ห้อของจีนและผลิตโดยจีนเป็นครั้งแรกในรุ่น C909 เป็นที่คาดการณ์ว่าจะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจระหว่างสายการบินเวียตเจ็ด และรัฐวิสาหกิจโคแม็กของรัฐบาลจีนในครั้งนี้

ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่าในการเยือนของผู้นำสูงสุดจีนในครั้งนี้ จะมีการลงนามในข้อตกลง ระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลเวียดนามจำนวนมากกว่า 40 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับทางด้านเศรษฐกิจการลงทุนในหลายกลุ่ม

ก่อนหน้าเพียงวันเดียวที่นายสีจิ้นผิงจะเดินทางถึงกรุงฮานอยในวันนี้ นายนายสีจิ้นผิงได้พิมพ์บทความพิเศษเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ซึ่งได้ถูกตีพิมพ์ในสื่อของเวียดนามมีชื่อว่า Ngan Dan ซึ่งสรุปใจความได้ว่า สงครามการค้าและสงครามภาษี จะไม่สร้างให้ใครเป็นผู้ชนะ

และลัทธิการปกป้องกีดกันการค้า จะไม่นำไปสู่ทางออกใดๆ ประเทศเวียดนามและประเทศจีนควรจะสร้างความปลอดภัยให้กับระบบการค้าพหุภาคี หรือ Multilateral Trading เครือข่ายห่วงโซ่การผลิตและอุตสาหกรรมโลกที่มีเสถียรภาพ และเปิด รวมถึงสร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมนานาชาติ

ในปี 2024 ผ่านไป ประเทศจีนกลายเป็นประเทศการลงทุนต่างชาติที่ขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นรองเพียงประเทศสิงคโปร์และเกาหลีใต้ เป็นที่ทราบกันดีว่าสินค้าที่ประเทศเวียดนามนำเข้านั้น ส่วนใหญ่จะมาจากประเทศจีน ในขณะที่ตลาดส่งออกที่สำคัญที่สุด และมีขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนามจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ข้อมูลกรมศุลกากรของประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ เวียดนามนำเข้าจากจีนเป็นมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.04 ล้านล้านบาท ในขณะที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นมูลค่า 31,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.08 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ประเทศจีนกลายเป็นประเทศที่มีการลงทุนใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประเทศกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มีการประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs สูงถึง 49% กับประเทศกัมพูชา ส่งผลทำให้กัมพูชาเป็นประเทศหนึ่งเดียวในอาเซียนที่จะต้องถูกเก็บอัตราภาษีดังกล่าวสูงที่สุด นอกจากนี้ ประเทศจีนยังเป็นประเทศที่มีการลงทุนใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประเทศมาเลเซียด้วย ซึ่งรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มีการประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs สูงถึง 24% ขณะที่ในปี 2024 ผ่านไปนั้น ประเทศมาเลเซียส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามีมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.52 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่าประเทศมาเลเซียส่งออกไปยังประเทศจีนที่มีมูล 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.41 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่าความสัมพันธ์ด้านการเมืองระหว่างประเทศ และความมั่นคงในภูมิภาคดังกล่าวกับประเทศจีนยังคงเป็นเรื่องที่ระหองระแหงกันมานาน โดยเฉพาะระหว่างจีนกับประเทศเวียดนามในกรณีพิพาททางทะเลจีนใต้ จะเห็นได้จากรัฐบาลจีนอ้างสิทธิในหมู่เกาะ และแนวปะการังส่วนใหญ่ในบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางทะเล นอกจากนี้ บริเวณดังกล่าวยังเป็นเส้นทางเดินเรือที่สําคัญ เช่นเดียวกับการอ้างสิทธิในน่านน้ําอื่นที่อยู่ติดกันด้วย ซึ่งกลายเป็นความตึงเครียดกับประเทศอื่นๆ ที่อ้างอิงสิทธิในพื้นที่ทางทะเลดังกล่าว ได้แก่ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และบรูไน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles