นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลการสำรวจตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศจำนวน 2,245 คน พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ค. 67 ปรับตัวลดลงจากระดับ 62.1 เป็น 60.5 เป็นการปรับตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 เป็นต้นมา
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 54.3 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ 57.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 69.8 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 10 เดือน ทุกรายการ
สาเหตุมาจากผู้บริโภคเริ่มกลับมากังวลว่าการเมืองไทยเริ่มขาดเสถียรภาพหลังจากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 ส.ว. เกี่ยวกับคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี และกังวลเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงและฟื้นตัวช้า ประกอบกับราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน และผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อบานปลาย อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจไทย
ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาส เป็นการส่งสัญญาณวัฏจักรขาลง ซึ่งสถานการณ์การเมืองถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีเชื่อมั่นฯ ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ในอนาคตอันใกล้ หากรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังของปีนี้