ประธานกรรมการบริหารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP แจง 5 เหตุผลทำไมข้าราชการไม่ควรเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจที่ต้องแข่งขัน

ประธานกรรมการบริหาร เกียรตินาคินภัทร หรือ KKP แจง 5 เหตุผลทำไมข้าราชการไม่ควรเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจที่ต้องแข่งขัน

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร เกียรตินาคินภัทร หรือ KKP โพสต์บทความและข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับเหตุผล 5 ข้อสำคัญที่ทำไมข้าราชการไม่ควรเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจที่ต้องแข่งขัน มีดังนี้ ก่อนอื่นต้องขอเรียนว่า บทความนี้เป็นข้อสังเกตุโดยรวม ผมไม่ได้หมายถึงท่านหนึ่งท่านใด และไม่ได้มีความตั้งใจจะดูถูกในเรื่องความเก่ง ความดีของข้าราชการแต่อย่างใด เรามีข้าราชการที่ดีและมีความสามารถจำนวนมาก แต่ผมก็ยังคิดว่า ท่านไม่เหมาะที่จะเป็นกรรมการหน่วยงานธุรกิจ

จากประสบการณ์การทำงานให้กับรัฐวิสาหกิจมากว่าสามสิบปี ทั้งในด้านการเป็นที่ปรึกษา การแปรรูปฯ การจัดจำหน่ายหุ้น การเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ และโดยเฉพาะเคยพยายามปฏิรูปการบริหารจัดการ ผมได้เรียนรู้และตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการที่เรามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆมากมาย

ผมมีห้าเหตุผลที่ทำให้คิดเช่นนั้นครับ…

1.ท่านไม่มีเวลา… ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ล้วนแต่มีภารกิจมากมาย อย่างเช่น ปลัดกระทรวงการคลัง ท่านเป็นกรรมการอยู่ทั้งหมดมากกว่า 30 คณะ และเป็นประธานมากกว่าสิบคณะ แถมยังต้องดูแลกรมใหญ่อีก 7 กรม ข้าราชการรวมสามหมื่นคน ท่านจะเอาเวลาที่ไหนมาบริหารกิจการธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ยากและมีการแข่งขันสูงที่สุดในโลกอย่างเช่นธุรกิจสายการบิน หรือธุรกิจพลังงาน ลองคิดดูว่า อย่างการบินไทย กว่าจะฟื้นฟูมาได้ ผู้บริหารแผนต้องประชุมกัน 203 ครั้งใน 4 ปี ถ้าบอร์ดขนาด 15คน ที่มีข้าราชการครึ่งหนึ่ง ไม่มีทางที่นะประชุมอย่างนั้นได้แน่นอน

2.ท่านไม่มีทักษะ… งานบริหารราชการนั้น เป็นเรื่องของการบริหารทรัพยากรรัฐ บริหารกฎระเบียบ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องผูกขาด อำนาจรัฐนั้นเป็น monopoly โดยธรรมชาติ ไม่เคยต้องแข่งกับใคร แต่งานธุรกิจต้องแข่งขันกันทุกๆวัน ทักษะมันคนละอย่างกัน อย่างข้าราชการมักจะชมกันว่า “ท่าน…เก่งนะ เพราะแม่นกฎ” ซึ่งในเชิงธุรกิจนั้น คนแม่นกฎไม่นับว่าเก่ง อย่างมากก็เป็น compliance คอยระวังหลัง

3.ท่านไม่มีความยืดหยุ่นคล่องตัว… ระบบราชการนั้น เป็นที่รู้กันว่าไร้ประสิทธิภาพ ไม่ยืดหยุ่นคล่องตัว มีความระแวงสูง ควบคุมหยุมหยิมไปหมด (ทุกคนถึงบอกว่าต้องปฏิรูปไงครับ) จะทำอะไรทีก็ต้องให้แน่ใจว่าไม่มีเสี่ยง ซึ่งเรื่องอย่างนั้นใช้ไม่ได้ในธุรกิจ เค้าถึงอวยพรข้าราชการ ให้“รักษาเนื้อรักษาตัว” ซึ่งก็แปลง่ายๆว่าอย่าเสี่ยง หรืออย่าทำอะไรเลยได้ก็ยิ่งดี …ผมยังจำได้ตอนที่ต้องร่วมเป็นกรรมการรสก.กับข้าราชการ ผมแอบนินทาเรียกพวกท่านๆว่า“แผนกเอ๊ะ”เพราะฝ่ายจัดการจะเสนอทำอะไรท่านก็คอยทัก ว่า “เอ๊ะ เช็คกฎนั่นกฎนี่แล้วยัง” พอบอกว่าเช็คแล้วท่านก็บอกว่า“ไม่ช่าย มีอีกกฎหนึ่ง…”(ก็ท่านแม่นกฎนี่ครับ)…ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เมื่อ 15 ปีก่อน ฝ่ายบริหารการบินไทยเคยเสนอให้ขายเครื่องบิน A340ที่จอดทิ้งไว้ แต่กรรมการที่เป็นข้าราชการหลายท่านคัดค้านไว้เพราะกลัวว่าขายขาดทุนอาจจะผิดกฎ เลยไม่ได้ขาย ต้องมาขายอีกสิบปีให้หลังขาดทุนมากกว่าเดิม แถมเสียค่าจอดค่าบำรุงอีกพะเรอ

4.ท่านมีพะวงกับชะนัก 157……ต่อให้การบินไทยไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ แต่ถ้าข้าราชการการมาเป็นกรรมการในฐานะตัวแทนของหน่วยงาน ก็เท่ากับท่านแบกเอาภาระตาม มาตรา 157 มาด้วย ผมคงไม่ต้องอธิบายนะครับว่าความเสี่ยงตามมาตรานี้คืออะไร มันเป็นเรื่องที่เสี่ยงไม่ได้เลย และพอกรรมการครึ่งหนึ่งเสี่ยงไม่ได้ ก็น่ากังวลว่าองค์กรจะเป็นอัมพาต

5.ท่านไม่มีทางที่จะปลอดการเมือง…. ยังไงเสียข้าราชการก็จะต้องถูกบังคับบัญชาโดยนักการเมือง วันนี้เราอาจมีนายก มีรัฐมนตรีที่ดี แต่ใครจะรู้ได้ว่าวันหน้าจะเป็นอย่างไร ผมไม่ได้ว่านักการเมืองทุกคนไม่ดีนะครับ แต่ก็มีที่ไม่ดีอยู่ไม่น้อย ที่พร้อมจะหาประโยชน์หรือช่วยพรรคพวกให้ได้ประโยชน์ และที่น่ากลัวก็คือ cronyism เรื่องการแต่งตั้ง องค์กรใดก็ตามที่ใช้ระบบพรรคพวกแทนmerit system ในการเลือกผู้บริหาร องค์กรนั้นพังแน่นอน

ขอเล่าแถมเรื่องหนึ่ง ตอนที่ผมเข้าไปร่วมเป็นกรรมการการบินไทยในปี 2552-2553 ตามคำขอของอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ และคุณกรณ์ เพื่อไปช่วยดร.ปิยสวัสดิ์ฟื้นฟูในรอบแรก พอพลิกมากำไรได้กว่าสองหมื่นล้านในสองปี ผมเคยเรียนนายกมาร์คว่า ขอให้คลังขายหุ้นจนต่ำกว่า 50% เพื่อจะได้มีความคล่องตัวไม่ติดกฎระเบียบรุงรัง ท่านตอบว่า “ผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่ากรรมการจะดีอย่างชุดนี้ตลอดไป ถ้าไม่ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่มีกฎระเบียบควบคุม แต่นักการเมืองบังคับได้ ตั้งบอร์ดได้หมด แล้วเวลาเจอคนเลวเข้ามาจะอันตรายมากขึ้นอีกหลายเท่า

ขอสรุปอีกทีนะครับ ผมไม่ได้กล่าวหาว่าข้าราชการท่านไม่ดี ไม่เก่งนะครับ แต่จากประสบการณ์ของ ผมเชื่อว่าท่านไม่ควรจะมาบริหารธุรกิจที่ต้องแข่งขันสูงอย่างนี้เลยครับ ไปทำประโยชน์ ให้ชาติในด้านอื่นดีกว่า การตั้งกรรมการการบินไทยครั้งนี้จะเป็นสัญญาณที่สำคัญมากนะครับ เพียงแค่มีข่าว หุ้นก็ตกลงไปเป็นมูลค่ากว่าแสนล้านบาทแล้ว ถ้าตั้งได้ดี ผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่า กลับมายิ่งกว่าเดิม ถ้าไม่งั้นละก้อ…………………

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles