สมาคมค้าทองคำ รายงานปิดการซื้อขายราคาขายทองคำในประเทศไทย วันนี้ 13 ตุลาคม 2025 ประกาศปรับราคาทั้งสิ้น 18 ครั้ง ปรับราคาสุทธิ +650 บาท ทองคำแท่งรับซื้อ 62,650 บาท ราคาขายออก 62,750 บาท ด้านทองรูปพรรณรับซื้อ 61,398.00 บาท ราคาขายออก 63,550 บาท ไม่เพียงส่งผลเป็นทั้งราคาทองคำปิด และราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ แต่ยังเป็นครั้งแรกที่ราคาทองรูปพรรณแตะหลัก 63,000 บาท มากสุดเป็นประวัติศาสตร์
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำในไทยปิดสุทธิเพิ่มขึ้น +2,650 บาท หรือ +4.5%
นับตั้งแต่ต้นปี 2025 นี้ มาถึงราคาปิดตลาดวันที่ 13 ตุลาคม 2025 ราคาทองคำในไทยเพิ่มขึ้น +20,350 บาท หรือทะยานถึง +47.99% ส่งผลให้เป็นครั้งแรกที่ราคาทองคำในไทยในปี 2025 พุ่งทะยานแตะหลัก 20,000 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ส่งผลเป็นครั้งแรกที่ส่วนต่างราคาทองคำจากต้นปีจนถึงปัจจุบันแตะหลัก 19,000 บาทต่อบาททองคำ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 ผ่านมานับเป็นครั้งแรกที่ผลตอบแทนของราคาทองคำในประเทศไทยขึ้นแต่ละ 40%
ด้านราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Spot ที่ประเทศสิงคโปร์ ปิดที่ระดับ 4,077.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สุทธิเพิ่มขึ้น +26.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ในเอเชีย นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันนี้ 13 ตุลาคม 2025 ส่งผลราคาทองคำดังกล่าวทะยานถึง +1,467.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +56.23% เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2025 เป็นวันแรกที่ส่งผลให้ราคาทองคำในเอเชียพุ่งทะยานจากต้นปีนี้มาถึงปัจจุบันแตะ 50% เป็นครั้งแรกอีกด้วย ท่ามกลางค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐเปิดตลาดในต่างประเทศที่ระดับ 32.62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สาเหตุจากวันที่ 12 ตุลาคม 2025 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความว่าไม่ต้องห่วงเรื่องจีน ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี! ประธานาธิบดีสีที่เคารพนับถืออย่างสูงพึ่งมีช่วงเวลาที่เลวร้าย สีจิ้นผิงไม่ต้องการภาวะเศรษฐกิจตกต่ําสําหรับประเทศของเขา และผมก็เช่นกัน สหรัฐฯ ต้องการช่วยจีน ไม่ใช่ทําร้ายจีน!!!
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความว่าเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2025 (หรือเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดําเนินการเพิ่มเติมหรือการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของจีน) สหรัฐอเมริกาจะบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากร 100% กับจีน นอกเหนือจากภาษีศุลกากรใด ๆ ที่จีนจ่ายภาษีในปัจจุบัน นอกจากนี้ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2025 สหรัฐอเมริกาจะกําหนดการควบคุมการส่งออกกับซอฟต์แวร์ที่สําคัญใดๆ ก็ตาม และทั้งหมดด้วย
ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าโอกาสที่ 99% ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ในการประชุมเดือนตุลาคมนี้ และมีโอกาส 81% ที่จะลดดอกเบี้ยดังกล่าวลง 0.25% ในเดือนธันวาคมนี้ นั่นหมายถึงคาดว่าจะปรับลด 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของครึ่งปีหลังนี้