ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 37,440 จุด +10 จุด หรือ +0.03% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,688 จุด -16 จุด หรือ -0.34% และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 14,510 จุด -81 จุด หรือ -0.56% ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดหลุดระดับ 15,000 จุดเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในปีนี้ ส่งผลดัชนีหุ้นนาสแดคดำดิ่ง 5 วันทำการติดกันรวมกว่า -500 จุด ทำสถิติร่วงยาวนานต่อเนื่องในรอบ 1 ปี 3 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2022 ที่สำคัญ ดัชนีดังกล่าวยังปิดต่ำสุดในปีนี้ และตกต่ำมากที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน โดยเมื่อวันจันทร์ผ่านมา ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดร่วงใน 1 วันทำการที่ย่ำแย่สุดในรอบ 2 เดือน หรือตั้งแต่ตุลาคมปี 2023
ขณะนี้ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดตกต่ำเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งยังห่างอีกกว่า 0.5% ที่จะทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ซึ่งเดิมมีสถิติอยู่ที่ 4,796.56 จุด และเหลืออีก 1.4% ที่จะทำสถิติดัชนีสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ซึ่งเดิมมีสถิติอยู่ที่ 4,818.62 จุด สอดรับกับ
นอกจากนี้ ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +0.65%, +0.22% และ +0.14% ตามลำดับ ในเดือนธันวาคมนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +4.89%, +4.72% และ +6.11% ตามลำดับ สอดรับกับในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +12.54%, +11.55% และ +14.19% ตามลำดับ ขณะที่ในปี 2023 ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +13.77%, +24.58% และ +44.22% ตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นนาสแดคกำลังทำสถิติดัชนีหุ้นรายปีปิดพุ่งมากที่สุดในรอบ 20 ปี หรือตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา ซึ่งในปีนั้น ดัชนีพุ่งกระฉูดถึง +50.01%
สาเหตุจากนักลงทุนไม่มั่นใจและเกิดความกังวลกับความไม่ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกและมีจำนวนการลดดอกเบี้ยกี่ครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดเมื่อประชุมครั้งสุดท้ายในเดือนธันวาคมปีผ่านมา พบว่า กรรมการมีความเห็นโดยทั่วไปว่ายังคงต้องเน้นความสำคัญในการรักษาความระมัดระวัง และให้น้ำหนักกับข้อมูลในการตัดสินใจดอกเบี้ยระยะสั้น นอกจากนี้ ยังเป็นการยืนยันอีกครั้งว่า เป็นการเหมาะสมสำหรับนโยบายการเงิน หรืออัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ต้องอยู่ในภาวะตึงตัวไปอีกต่อเนื่องจนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อมีภาวะลดลงอย่างชัดเจนและต่อเนื่องเพื่อเข้าสู่เป้าหมายของเฟด
นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี พลิกกลับสูงขึ้นทันที และขึ้นสูงเหนือระดับ 4% ครั้งใหม่ และเป็นครั้งแรกของปี 2024 นี้
นักลงทุนแห่เทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างหนาตาเป็นวันที่ 3 ต่อเนื่องหลังจากเปิดการซื้อขายในปี 2024 นี้ โดยเมื่อวันจันทร์ผ่านมา ธนาคารบาร์เคลย์ส ลดมุมมองระดับการลงทุนของหุ้นบริษัทแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่นในปี 2024 ทำให้หุ้นบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายอย่างหนาตาทั้งคืนผ่านมา ท่ามกลางการตีความวิเคราะห์ในตลาดเข้าใจกันว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยดังกล่าวถึง 3 ครั้งในปี 2024
ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า มีโอกาสอยู่ที่ 65.7% จากเดิมที่ 90% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรก 0.25% ในเดือนมีนาคมปี 2024