ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 39,935 จุด +81 จุด หรือ +0.20% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,399 จุด -27 จุด หรือ -0.51% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,181 จุด -160 จุด หรือ -0.93% เมื่อวันพฤหัสบดีผ่านมา นับเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคในรอบเกือบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสวนทาง +0.72%, -1.97% และ -3.65% ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้งดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคปิดรายสัปดาห์ตกต่ำย่ำแย่ที่สุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่เมษายนเป็นต้นมา
สิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปรากฎว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.1%, +3.5% และ +6% ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันจากทั้งหมดใน 8 เดือนผ่านมา อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 พบว่า ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดสวนทางกัน -1.7%, +3.9% และ +8.3% ตามลำดับ นอกจากนี้ สิ้นสุดครึ่งปีแรก หรือนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน พบว่า ดัชนีสำคัญดังกล่าวปิดเพิ่มขึ้น +3.8%, +14.5% และ +18.1% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนผิดหวังอย่างมากกับผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ของ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ ได้แก่ เทสลา ฟอร์ดมอเตอร์ และอัลเฟเบธ หรือบริษัทแม่ของกูเกิ้ล หลังจากก่อนหน้านี้ นักลงทุนทำกำไรช่วงสั้นกับหุ้นบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ครั้งใหม่ หลังจากเกือบทั้งสัปดาห์ผ่านไป นักลงทุนขายทำกำไรอย่างหนาตาในกลุ่มหุ้นกลุ่มบลูชิปที่มีราคาปรับสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มไมโครชิปรอบใหม่เพื่อรอการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ 2 อย่าง ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีสหรัฐไตรมาสที่ 2 ที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ และตัวเลขรายจ่ายส่วนบุคคลชาวอเมริกันเดือนมิถุนายนที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ รวมถึงการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 สหรัฐในกลางสัปดาห์นี้
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนอยู่ที่ 98% จากเดิมที่ 100% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ
