ปี 2568 เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตที่ 4.6% ต่ำกว่าเป้าหมาย ท่ามกลางความเสี่ยงหลายอย่าง แผนกระตุ้นเศรษฐกิจเน้นปฏิรูปในระยะยาว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าท่ามกลางความเสี่ยงสงครามการค้ารอบใหม่ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง และปัญหาภายในประเทศ เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังชะลอตัว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจากปีก่อนอยู่ที่ 4.6% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของทางการ

การประชุมสองสภาของจีนเมื่อวันที่ 4-11 มีนาคม 2568 ทางการจีนตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2568 ไว้ที่ 5% เช่นเดียวกับปีก่อน โดยจะมุ่งเน้น “การบริโภคในประเทศ” เป็นสำคัญ (รูปที่ 1) ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นอยู่ที่ 4% ต่อ GDP รวมถึงเพิ่มเป้าหมายการออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษ และพันธบัตรรัฐบาล เพื่อหนุนการบริโภคในประเทศ และแก้ไขปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเม็ดเงินการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 อยู่ที่ 6.2 ล้านล้านหยวน จาก 5 ล้านล้านหยวนในปี 2567 (รูปที่ 2) นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมผ่านการปรับลดสัดส่วนสำรองตามกฎหมายของธนาคารพาณิชย์ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2 – 3 ครั้ง

แม้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจีนจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่ในปี 2568 เศรษฐกิจจีนยังเผชิญความเสี่ยงหลายด้าน ดังนี้
1.สงครามการค้ารอบใหม่ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นตลอดทั้งปี ปัจจุบันสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนแล้วทั้งหมด 20% นอกจากนี้ ประเทศอื่น ๆ เช่น เม็กซิโก ยังมีท่าทีจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอของการเร่งส่งออก (รูปที่ 3)
2.การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังมีทิศทางชะลอกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศ แม้ทางการจะทยอยออกมาตรกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ระดับราคาที่อยู่อาศัย ยอดขาย และการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังปรับลดลง ซึ่งความมั่งคั่งของครัวเรือนในจีนอยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ราว 70%
3.ปัญหาเงินฝืดยังเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคการบริโภค ในการประชุมสองสภาของจีนได้ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2568 ลงอยู่ที่ 2% สะท้อนว่าเงินเฟ้อจีนยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ โดยล่าสุดเงินเฟ้อในส่วนของภาคบริการที่เคยเป็นปัจจัยหนุนสำคัญของเงินเฟ้อจีนได้ปรับลดลง (รูปที่ 3) นอกจากนี้ สงครามการค้ารอบใหม่จะยิ่งกดดันความเสี่ยงด้านเงินฝืดของจีนผ่านราคาผู้ผลิตที่ยังปรับลดลง 29 เดือนติดต่อกัน

แผนการกระตุ้นการบริโภคล่าสุดเน้นผลในระยะยาว
หลังการประชุมสองสภาทางการจีนได้ออกแผนกระตุ้นการบริโภค (Special Action Plan) ซึ่งรายละเอียดของนโยบายมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศ
ในแผนการกระตุ้นการบริโภค (Special Action Plan) ของทางการจีนได้ระบุถึงแผนในการส่งเสริมการบริโภคทั้งในส่วนของการให้เงินสนับสนุนเพิ่มเติมผ่านโครงการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in Program) และแนวทางการเพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือนผ่านสวัสดิการต่าง ๆ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.โครงการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in Program) จะช่วยสนับสนุนยอดค้าปลีกของจีนในปี 2568 โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ ทางการจีนจะใช้เงินจากการออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษจำนวน 300 พันล้านหยวนเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประเภทของสินค้าที่ทางการจีนให้การสนับสนุนเป็นสินค้าคงทนจึงอาจทำให้เกิดการเร่งใช้จ่าย และการชะลอตัวของการบริโภคในภายหลัง
2.แนวทางการเพิ่มรายได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาการเติบโตของรายได้ในจีนชะลอลง (รูปที่ 5) หลังมีการปรับลดเงินเดือนในบางภาคส่วน ทางการจีนจึงจะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว เช่น การเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ และการส่งเสริมการอบรมทักษะต่าง ๆ เป็นต้น
3.การเพิ่มสวัสดิการเพื่อสนับสนุนให้เกิดความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อลดอัตราการเก็บออมของครัวเรือน โดยระบุว่าจะมีการพัฒนาสวัสดิการสุขภาพ และการดูแลเด็ก
4.แนวทางในการผลักดันด้านอื่น ๆ เช่น แนวโน้มการสนับสนุนการขยายแผน Visa-Free ให้กับประเทศต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว เป็นต้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าแผนการกระตุ้นการบริโภคล่าสุดนั้นเน้นการปฏิรูปในระยะยาวมากกว่าการสนับสนุนให้เกิดการบริโภคในระยะสั้น ผลจากการมาตรการยังขึ้นอยู่กับรายละเอียดและเม็ดเงินในแต่ละโครงการเพิ่มเติม

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles