นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน หากเก็บภาษีก็เป็นการถอยหลังเข้าคลอง กระทบระบบเหมือนกับแนวคิดการเก็บภาษีเทรดหุ้นที่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหุ้นทันที
ทั้งนี้ ข้อเสนอของผู้ค้าทองคำคือ ธปท.น่าจะมีการตั้ง เคลียริ่งเฮ้าส์ (Clearing House) เงินตราต่างประเทศ เพิ่มเติมจาก ปัจจุบันมีเพียงเคลียร์ริ่งเฮ้า เงินบาท ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการสะสางและชำระหนี้ในตลาดการเงิน หาก ธปท.ตั้งได้ ก็จะลดภาระค่าธรรมเนียมของการแปลงเงินตราต่างประเทศ ลดการกระแทกที่มีผลกระทบต่อเงินบาท นอกจากนี้จากการที่เงินบาทแข็งค่ารวดเร็ว ทาง ธปท.ก็น่าจะมีการปรับปรุงสูตรที่ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้เหมาะสม เพราะสูตรในปัจจุบันอาจจะไม่ทันสมัย กับภาวะโดยรวมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการปรับสูตรจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ ธปท.จะพิจารณา
ส่วนการค้าทองคำที่มีการส่งออกไปกัมพูชานั้น ก็ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกันแล้วว่าเป็นการค้าขายกันอย่างถูกต้อง ไม่มีการฟอกเงิน ผู้ค้า มีการยืนยัน ระบบ KYC ทั้งหมด ซึ่งเป็นการทำความรู้จักลูกค้า ยืนยันตัวตนของลูกค้า เพื่อป้องกันการทุจริต การฟอกเงิน การสนับสนุนการก่อการร้าย และการฉ้อโกง โดยไทยและกัมพูชา มีการค้าทองคำกันนับสิบปีมาแล้ว
ขณะที่ การเก็บภาษีซื้อทองคำออนไลน์ นพ.กฤชรัตน์ ขอคัดค้าน เพราะจะกระทบทั้งระบบ โดยเฉพาะประชาชนที่นิยมทรดดิ้งทองคำผ่านแอปฯมากขึ้น ผู้ค้าพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยประชาชน ในยุคเศราฐกิจดิจิทัล เป็นเรื่องถอยหลังเข้าคลอง หาก ธปท.จัดตั้งเคลียริ่งเฮาส์ก็น่าจะลดการกระแทกต่อค่าเงินบาท และก็น่าจะปรับสูตรดูแลค่าเงินเป็นการภายใน ให้เหมาะสม ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 31.78-31.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.23 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.89 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขยับแข็งค่าขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากการปรับสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ของราคาทองคำในตลาดโลก และสถานการณ์ของค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่ยังขาดแรงหนุนในช่วงก่อนการประชุมเฟด อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงรอติดตามสัญญาณเกี่ยวกับการดูแลการเคลื่อนไหวของเงินบาท หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับมาตรการลดผลกระทบจากธุรกรรมทองคำที่มีต่อเงินบาทของทางการในช่วงก่อนหน้านี้
