นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และส่งออกไข่ไก่ กล่าวว่าในปี 68 มีปัจจัยหลายด้านที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร และผู้เลี้ยงไข่ไก่ต้องรับภาระเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน อีกทั้งราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจุบันเฉลี่ยที่ 11.20 บาท/กิโลกรัม จาก 10.30 บาทในเดือน พ.ย. 67 ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตในปีนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
อีกทั้งโรคระบาดไข้หวัดนกในภูมิภาคเอเชีย และประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดความเสียหายกับสัตว์ปีกในวงกว้าง ทั้งไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสัตว์ปีกอื่นๆ หากยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ จะส่งผลให้เกษตรกรมีค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคเพิ่มขึ้น และจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังการปรับสวัสดิการ เพื่อดูแลคนงานที่ปฏิบัติงานในฟาร์ม ทั้งการจัดที่พัก ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายสวัสดิการอื่น ๆ เพื่อตอบแทนการทำงานที่ต้องป้องกันโรคระบาดในระดับสูง ทำให้ต้นทุนค่าแรงของคนทำงานฟาร์มสูงกว่าค่าแรงทั่วไป สะท้อนว่าในปี 68 ผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องเผชิญกับความยากลำบากหลายด้าน ทั้งการปรับค่าแรง วัตถุดิบอาหารสัตว์ โรคระบาดไข้หวัดนก ทั้งในภูมิภาคเอเชีย และภูมิภาคอื่น ส่งผลให้แม่ไก่ไข่ต้องตายนับล้านๆ ตัว ล้วนเป็นปัจจัยผลักดันต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้นทั้งหมด เกษตรกรหลายรายอาจไม่สามารถปรับตัวรับกับปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวได้
สำหรับราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มปรับลดลงต่อเนื่องจากเดือน ต.ค. – พ.ย.ที่ผ่านมา จากฟองละ 4 บาท ถึงปัจจุบันอยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สวนทางกับต้นทุนการผลิต หากแนวโน้มต้นทุนการผลิตยังอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นนี้ เกษตรกรคงอยู่ไม่ได้ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล เพื่อให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการฟาร์มให้ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคมีไข่กินเพียงพอ
นายมงคล กล่าวว่า ประเทศไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ประมาณ 2.7 ล้านราย ผลิตไข่ไก่อาหารโปรตีนคุณภาพสูงในราคาสมเหตุผลให้กับผู้บริโภคอย่างเพียงพอ แต่ต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ จำเป็นต้องได้รับการดูแล
