นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาส4 น่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 3 ไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มและการท่องเที่ยวที่เข้าช่วงไฮซีซั่น ขณะเดียวกันมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะเข้าสู่ช่วงขาลง โดยคาดการณ์ว่าคณะกรรมนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5% ตั้งแต่ปลายปี 2567 ถึงปี 2568 เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ต่ำแล้ว จึงน่าจะถึงเวลาที่กนง.ควรจะมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้แล้ว
ส่วนสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้ อยากให้ภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีการดูแลค่าเงินบาท ให้อยู่ในกรอบ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม ไม่แข็งค่าและอ่อนค่ามากจนเกินไป จะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย เพราะถือว่ามีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยผลของเงินบาทต่อภาคอสังหาฯ คือ ทำให้มีกำลังซื้อต่างชาติเข้ามามากขึ้นในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมที่ต่างชาติสามารถซื้อได้ 49% ตามกฎหมาย เพราะหากค่าบาทแข็งมากเกินไป จะทำให้ลูกค้าต่างชาติต้องซื้อคอนโดมิเนียมไทยในราคาที่แพงขึ้น อาจจะทำให้มีการชะลอการซื้อหรือการโอนกรรมสิทธิ์ออกไปได้
สำหรับในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปี 2567 อยากให้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นออกมาเพิ่มเติมจากโครงการแจกเงิน 10,000 บาทให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ที่อาจจะเกิดการกระตุ้นแค่ช่วงระยะสั้นๆ และไม่เกิดแรงหมุนต่อระบบเศรษฐกิจมากนัก เพราะเม็ดเงินที่นำมาดำเนินการเป็นงบประมาณประจำปีที่ต้องนำออกมาใช้กับโครงการที่มีแผนจะก่อสร้างอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเม็ดเงินก้อนใหม่ ที่ใส่เพิ่มเข้าไป โดยอยากให้รัฐบาลนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยทำมาและได้ผลมาต่อยอดอีกครั้ง เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ช้อปดีมีคืน อีซี่ อีรี-ซีท เป็นต้น โดยอาจจะเปลี่ยนชื่อใหม่ก็ได้ หากไม่อยากจะใช้ชื่อเดิม เพื่อดึงเงินในกระเป๋าของผู้ที่มีกำลังซื้อออกมาใช้จ่าย เพื่อทำให้เกิดการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันคนเริ่มระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งรัฐบาลเองก็ควรจะรับฟังข้อเสนอภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจด้วยเพื่อนำมาวิเคราะห์และกลั่นกรองเป็นมาตรการกระตุ้นเพื่อให้ได้ประโยชน์