นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2568 อาจขยายตัวต่ำกว่า 2.9% สาเหตุจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของปีผ่านมา ถึงแม้ว่าจะมีมาตรการแจกเงินหมื่นในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้วก็ตาม เพื่อหวังว่าจะกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจไทยที่ซบเซา ในช่วงก่อนหน้านี้ แบงก์ชาติคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ระดับ 2.9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับ 3% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้
ผมต้องพูดว่ามีปัจจัยด้านลบกับตัวเลขจีดีพีในปีนี้ของไทย ในปี 2024 เศรษฐกิจไทยอาจเติบโตใกล้ที่ระดับ 2.7% ด้วยอัตราการเติบโตในไตรมาสที่ 4 ที่น้อยลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งมองว่าจะมีจีดีพีที่ระดับ 3% สาเหตุมาจากปัจจัยการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอลงเกินกว่าที่ประเมินไว้ มาตรการแจกเงินหมื่น และการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ของภาครัฐกลับมีผลกระตุ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ เงินหมื่นที่แจกไปนั้น ผู้บริโภคในกลุ่มเป้าหมายกลับนำไปจ่ายคืนหนี้ จึงทำให้ไม่เห็นการเปลี่ยนผ่านไปเป็นการใช้จ่ายเพื่อบริโภค
ผู้ว่าแบงก์ชาติ เปิดเผยต่อไปว่า สำหรับภาวะเงินเฟ้อในไทยปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 1.1% ซึ่งอยู่ในเป้าหมายเงินเฟ้อที่กำหนดไว้ระหว่าง 1% ถึง 3% ของแบงก์ชาติ ในขณะที่ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในภาพรวมถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม ยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีภาวะเงินฝืดท่ามกลางตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยับขึ้นเพียง 0.4% ในปี 2023 อย่างไรก็ตาม กลับมีความกังวลกับภาวะผันผวนของค่าเงินบาทถึงแม้ว่าจะไม่มีระดับของค่าเงินบาทที่เหมาะสมอยู่ในใจก็ตาม
ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยเมื่อกลางเดือนมกราคมผ่านไป มีมูลค่า 237,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8.06 ล้านบ้านบาทนั้น นับเป็นแหล่งเงินที่มีความแข็งแกร่ง และความมั่นคงในจังหวะเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนสูง
ทั้งนี้ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์เฉพาะพิเศษในประเด็นทั้งหมดกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส
