นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวสัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ว่า ขณะนี้กังวลเรื่องหลักๆ คือ ความล่าช้ากับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ของรัฐบาล ซึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งทางการเมืองไทย อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ที่อ่อนแออยู่แล้วในปัจจุบัน ความไม่มั่นคงมีเสถียรภาพทางการเมืองไทยอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวแต่ในอัตราลดลงอย่างชัดเจน สิ่งนี้อาจกลายเป็นแรงกดดันให้จำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีกครั้งถึงแม้ว่าจะเหลือพื้นที่ลดดอกเบี้ยดังกล่าวอย่างจำกัดก็ตาม รวมถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยทึ่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาเสถียรภาพการเมืองไทยในขณะนี้
ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 2569 ที่ระดับ 1.7% ในขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 2% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งหมดยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง โดยเฉพาะหากรัฐบาลเลื่อนการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ออกไป อันดับความน่าเชื่อถือ หรือเครดิตเรตติ้งของไทยก็อาจมีความเสี่ยงเช่นกัน หากความเสี่ยงทางการเมืองที่กระทบต่อเศรษฐกิจยังคงยืดเยื้อ และไม่มีการปรับสมดุลทางการคลังในระยะสั้น
นอกจากนี้ เศรษฐกิจประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาโครงสร้างที่เรื้อรัง และหยั่งรากลึก เรียกได้ว่าเป็นโรคเรื้อรัง การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่ใช่เป็นการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น สำหรับปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เช่น ศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ลดลงเพราะประเทศไทยปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ทัน
ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเข้มงวดกับมาตรฐานการให้สินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อการบริโภคท่ามกลางภาระหนี้ครัวเรือนสูงยังเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของรายได้อย่างล่าช้า ปัญหาความเหลื่อมล้ำสะท้อนจากผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่กระจายอย่างเท่าเทียมกัน ปัญหาความเปราะบางของธุรกิจ SME ซึ่งมีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ