นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังประชุมทวิภาคีกับนายมะไลทอง กมมะสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของ สปป.ลาว ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ว่า ได้พบหารือทวิภาคีกับ นายมะไลทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าสปป.ลาว โดยไทยขอให้ทาง สปป.ลาว พิจารณากลับมาเปิดทำการด่านชายแดนที่ยังปิดอยู่และอำนวยความสะดวกบริเวณด่านชายแดน ที่ในปี 2566 การค้ารวมไทย-สปป.ลาวมีมูลค่าสูงถึง 7,634.39 ล้านดอลลาร์ และขอให้ สปป.ลาว อำนวยความสะดวกการ ส่งออก สินค้าของไทยผ่านแดนไปจีนและเวียดนามผ่านเส้นทาง R3A R9 R12 และรถไฟลาว-จีน ซึ่งในช่วงกลางปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สปป.ลาว ที่ได้มีการผ่อนปรนมาตรการให้รถบรรทุกสินค้าของไทยผ่านเข้า สปป.ลาว ทำให้ไทยได้รับความสะดวกในการขนส่งผลไม้จากไทยไปสู่จีนได้อย่างดี และขอให้ พิจารณาทบทวนระยะเวลาการขออนุญาตนำเข้า-ออก ยานพาหนะชั่วคราว ในรูปแบบของการท่องเที่ยวและขนส่งสินค้าจาก 15 วันเป็น 30 วัน โดยทางรัฐมนตรีการค้าฯ ยินดีที่จะดำเนินการให้ไทยได้ตามคำขอ
สำหรับ การเร่งเจรจาจัดทำกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (ASEAN Digital Economy Framework Agreement: DEFA) ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันให้มีคืบหน้าการเจรจา 50 %ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการพัฒนา MSME ของสปป.ลาว ให้เข้าถึง E-Commerce มากขึ้น อันจะเป็นช่องทางทำให้เพิ่มมูลค่าการค้าของลาวได้ โดยไทยจะช่วยหยิบยกประเด็นให้ลาวร่วมสนับสนุนการเจรจา DEFA ด้วย
ขณะที่ฝ่ายไทยยินดีให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือ สปป.ลาว ในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการฝุ่นควันข้ามแดนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการทำการเกษตรที่ยั่งยืน สำหรับสินค้าเกษตร สปป.ลาวขอให้ไทยรับซื้อสินค้าเกษตรจากลาวเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร อันจะทำให้เศรษฐกิจของลาวขยายตัวและเพื่อจะมีการนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ไทยและ สปป.ลาวจะมีการจัดประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว ครั้งที่ 8 ซึ่งไทยยินดีที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งที่ 8 และขอให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายมีความพร้อมร่วมกันต่อไป