นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 ได้นำคณะผู้แทนการค้าจากภาครัฐและภาคเอกชนไทยเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้เข้าพบผู้บริหารของ COFCO Corporation ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้านการเกษตรและอาหารของจีน ณ กรุงปักกิ่ง โดยการหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเจรจาและเร่งรัดการซื้อขายข้าวที่ยังคงค้างจำนวน 280,000 ตัน
ภายใต้สัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน (MOU) และยังได้เสนอให้ COFCO ขยายปริมาณการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มเป็น 500,000 ตัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพอันแน่นแฟ้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีนในปีนี้ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดทำความร่วมมือด้านการตลาดร่วมกันในการจัดกิจกรรมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดจีน เพื่อเสริมสร้างการรับรู้ในคุณภาพและภาพลักษณ์ของข้าวไทยในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) และ COFCO จะได้นำผลการหารือในครั้งนี้เสนอหน่วยงานระดับนโยบายของทั้งสองประเทศเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ ยังได้มีโอกาสเข้าพบหารือกับสำนักงานบริหารการกำกับดูแลตลาดแห่งรัฐของจีน (SAMR) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการจำหน่ายสินค้าในตลาดให้เป็นไปตามกฎหมายหรือกฎระเบียบของจีน เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือการส่งเสริมและปกป้องการค้าข้าวไทยในจีน โดยกรมฯ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าข้าวไทยและการจดทะเบียนเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยและเครื่องหมายการค้าในจีน รวมทั้งวิธีการสังเกตหรือเลือกซื้อข้าวหอมมะลิไทยที่ส่งจากไทยไปจำหน่ายในจีน ซึ่งเป็นการตอกย้ำในด้านคุณภาพและมาตรฐานข้าวไทยที่ส่งไปจีน โดย SAMR ได้ให้ความสนใจและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการกรณีผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าข้าวไม่เป็นไปตามกฎระเบียบของจีน พร้อมให้ความร่วมมือ หากฝ่ายไทยพบเห็นหรือได้รับรายงานการละเมิดหรือปลอมแปลงสินค้าข้าวไทยในจีนสามารถแจ้ง SAMR ได้ทันที เพื่อจะได้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายของจีนต่อไป
นางอารดาฯ ระบุว่า การเยือนจีนในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการขยายตลาดข้าวไทยในจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเร่งรัดการซื้อขายข้าวที่ยังคงค้างตามสัญญา G to G ซึ่งจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการช่วยหาตลาดรองรับผลผลิตข้าวของไทย และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงทางการค้าให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย นอกจากนี้ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้ยืนยันให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการส่งมอบข้าวตามปริมาณที่ยังคงค้าง รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานของกรมฯ เพื่อให้การส่งมอบเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และคู่ค้าจีน ทั้งนี้ นางอารดาฯ เน้นย้ำว่า การขยายยอดการนำเข้าข้าวไทยเป็น 5 แสนตันในปีนี้นับเป็นโอกาสพิเศษที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของสองประเทศ และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรในระดับที่ลึกซึ้งและครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต
สำหรับสถิติการส่งออกข้าวไทยไปจีนมีปริมาณเฉลี่ยปีละประมาณ 4 – 5 แสนตัน สำหรับปี 2568 (ม.ค. – ก.ค.) ไทยส่งออกข้าวไปจีนปริมาณ 406,720 ตัน มูลค่า 6,819 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีปริมาณส่งออก 180,694 ตัน มูลค่า 4,229 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ125.09 และ ร้อยละ 61.24 ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาว (ร้อยละ 57.90) ข้าวเหนียว (ร้อยละ 27.80) และข้าวหอมมะลิไทย (ร้อยละ 12.08)
