นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวตามสื่อว่ากาแฟยี่ห้อดังมีการหยุดส่งสินค้าชั่วคราว เนื่องจากติดปัญหาบางอย่าง ซึ่งอาจเกิดความกังวลว่าสินค้ากาแฟจะขาดตลาดและที่มีจำหน่ายอยู่จะราคาสูงขึ้น ซึ่งอธิบดีกรมการค้าภายในได้เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้มีการติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้ากาแฟอย่างใกล้ชิด แม้ว่ากาแฟไม่ใช่รายงานสินค้าในบัญชีควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ แต่เพื่อดูแลปัญหาปากท้องประชาชน กรมจึงต้องตรวจสอบเรื่องนี้ โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมออกตรวจสอบปริมาณและราคากาแฟในตลาด รวมถึงมีการกักตุนสินค้าหรือไม่ ทั้งในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงร้านจำหน่ายปลีกต่างๆ ซึ่งได้รับรายงานจากการตรวจสอบของกรมเอง พบว่ายังมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ และมีการจำหน่ายในราคาปกติ
ทั้งนี้ กรมฯ มีการประชุมหารือกับผู้ค้าปลีกค้าส่งและห้างท้องถิ่น เพื่อติดตามสต๊อกสินค้า ปริมาณการขาย และราคาจำหน่าย ซึ่งได้รับยืนยันจากผู้ประกอบการค้าส่งระบุว่ามีการส่งของตามปกติ และไม่มีการชะลอการขาย แต่อย่างใด ในส่วนของสต็อกสินค้า ยังมีปริมาณเพียงพอต่อการจำหน่าย โดยผู้ค้าปลีก ยืนยันว่ายังมีสินค้าสำหรับจำหน่าย และไม่ได้ขึ้นราคาแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันมีการสั่งซื้อกาแฟแบรนด์อื่นที่มีคุณภาพและมาตรฐานหลายยี่ห้อเข้ามาเพิ่มเติม และทางห้างฯ มีการจัดรายการโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย อาทิ ลดราคาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้กาแฟแบรนด์ดังกล่าว จะมีสัดส่วนการตลาดที่สูงกว่าแบรนด์อื่น แต่ปัจจุบันตลาดสินค้ากาแฟมีการแข่งขันสูงทั้งด้านคุณภาพและด้านราคา ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ ซึ่งจากการจำหน่าย พบว่าผู้บริโภคก็ตอบรับสินค้าในแบรนด์ใหม่ๆ มากขึ้น อีกทั้งยังไม่ได้รับการร้องเรียนว่าสินค้ากาแฟขาดตลาดที่จะทำให้มีผลกระทบต่อประชาชน
อย่างไรก็ตาม กรมจะติดตามสถานการณ์ราคาและปริมาณสินค้าอย่างใกล้ชิด ขอให้ห้างร้านหรือร้านจำหน่ายสินค้าทุกประเภทมีการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคได้เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ หากพบการกระทำผิด เช่น การไม่แสดงราคาสินค้าหรือไม่ปิดป้ายราคาสินค้า จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากตรวจสอบพบการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ