นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม โดยพบว่า ในช่วงเดือน ธ.ค.2567 ที่ผ่านมา ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันปรับตัวลดลงตามฤดูกาล และพื้นที่เพาะปลูกในหลายพื้นที่ ประสบปัญหาน้ำท่วม ทำให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลปาล์มได้ ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยกว่าที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์ไว้ ส่วนปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ที่ประชุมคาดว่า สถานการณ์ปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในระยะต่อไป เนื่องจากปริมาณผลปาล์มน้ำมัน มีแนวโน้มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงปลายเดือน ม.ค.2568 เป็นต้นไป และผลผลิตจะออกมากในช่วงเดือน มี.ค.2568 ซึ่งสมาคมฯ ได้ขอให้ภาครัฐกำกับดูแลราคาผลผลิตของพี่น้องเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกระทรวงพลังงานปรับลดสัดส่วนการผลิตไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลจาก B7 เป็น B5 ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในภาคพลังงานปรับลดลง โดยกรมจะติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่ราคาผลปาล์มน้ำมัน ณ วันที่ 7 ม.ค.2568 อยู่ที่ 7.40–8.50 บาท/กิโลกรัม (กก.) ราคาน้ำมันปาล์มดิบ อยู่ที่ 44.50–45.00 บาท/กก. ส่วนราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลก ยังมีความผันผวน โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียเริ่มปรับตัวลดลง และการชะลอการปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลจาก B35 เป็น B40 ของอินโดนีเซีย ส่วนการเปิดรับซื้อปาล์มน้ำมันของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม พบว่า มีการเปิดรับซื้อตามปกติ ภายหลังการหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักรประจำปีและหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่
ด้านน้ำมันปาล์มขวด ที่ผ่านมา กรมได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดขนาด 1 ลิตร ไม่ให้เกินขวดละ 50 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค ซึ่งจากการหารือ คาดว่า หากสถานการณ์ผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มขวดปรับลดลง และสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต
อย่างไรก็ตาม กรมจะติดตามสถานการณ์ด้านการผลิตและการตลาดของปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีการซื้อขายที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และขอความร่วมมือผู้ประกอบการทุกภาคส่วนกำหนดราคาซื้อขายให้สอดคล้องกับกลไกตลาด หากพบผู้ประกอบการรายใดดำเนินการโดยจงใจทำให้ราคาต่ำเกินสมควรหรือสูงเกินสมควร หรือทำให้ปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้าหรือบริการใด ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ