พาณิชย์ ลงพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิต-ปั้มน้ำมัน-ดอนเมือง ตรวจปรามฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าและบริการ ณ สถานีขนส่งหมอชิต 2 เขตจตุจักร สถานีบริการน้ำมัน บางจาก ขาออกวิภาวดีรังสิต และ ท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า “ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับบ้านหรือไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดและส่วนใหญ่ต้องใช้บริการรถโดยสารประจำทางโดยเฉพาะรถทัวร์ และเครื่องบิน นอกจากจะต้องรับประทานอาหารและเครื่องดื่มแล้ว จะต้องซื้อหาสินค้าเพื่อใช้บริโภคหรือนำไปเป็นของฝากญาติพี่น้อง

เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับประชาชน กรมการค้าภายในจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด เพิ่มเติมจากการออกตรวจสอบที่ดำเนินการเป็นประจำอยู่แล้ว ตามนโยบายของพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการตามสถานีขนส่งและสถานีรถไฟต่างๆ เช่น ผู้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการรับฝากของบริการรถเข็นสัมภาระ ให้มีการ ”ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการอย่างชัดเจน“ รวมทั้งกำชับให้คิดค่าสินค้าและบริการให้ตรงกับป้ายราคาที่แสดงไว้ เพื่อป้องปรามมิให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาจำหน่ายสินค้าและบริการสูงเกินสมควรในช่วงเทศกาลที่มีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งในภาพรวมปีนี้ราคาจำหน่ายสินค้าและค่าบริการ ส่วนใหญ่มีราคายังคงทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับประชาชนในการเติมน้ำมันในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้ได้น้ำมันเต็มลิตร ซึ่งกรมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สายตรวจคุมเข้มการตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ ตามเส้นทางการเดินรถที่เป็นรอยต่อของจังหวัดกรุงเทพฯและปริมณฑล มุ่งหน้าออกสู่ต่างจังหวัด และในเขตพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตามที่ได้มีการปล่อยขบวนรถสายตรวจเฉพาะกิจ ออกตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 1 – 10 เมษายน 2568 ร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน และหน่วยงานในพื้นที่ ครอบคลุมกว่า 16,000 หัวจ่ายทั่วประเทศ และประชาชนสามารถมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น หากพบเห็นสถานีบริการน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” ซึ่งกรมได้มอบป้ายสัญลักษณ์โครงการ ให้แก่บริษัทผู้ค้าน้ำมันที่ให้ความร่วมมือกับกรม สมัครเข้าร่วมโครงการ และรายงานผลการตรวจสอบให้กรมทราบเป็นประจำทุกเดือนตามเงื่อนไขโครงการ ปัจจุบันมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8,000 สถานี

พร้อมทั้ง ลงพื้นที่ตรวจสอบเครื่องชั่งกระเป๋า และผู้ประกอบการร้านค้าภายในสนามบิน ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และได้สั่งการให้นายตรวจชั่งตวงวัด ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ออกตรวจสอบเครื่องชั่งน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระในท่าอากาศยานพาณิชย์ทั้ง 31 แห่งทั่วประเทศ ให้มีความถูกต้องเที่ยงตรง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เนื่องจากน้ำหนักของกระเป๋าสัมภาระมีผลต่อการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมของสายการบิน โดยได้ดำเนินการตรวจสอบระหว่างทั้งหมดแล้ว ถูกต้องเที่ยงตรงทั้งหมด

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าและบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ Line@MR.dit หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากพบการกระทำผิดจริงกรมการค้าภายในจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

สำหรับโทษกรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควรกักตุนสินค้า และปฏิเสธการจำหน่ายต้องโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับสถานีบริการน้ำมันใดที่ถูกตรวจพบว่าใช้มาตรวัดที่ไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีพบว่ามีการดัดแปลงมาตรวัดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีผู้ที่ใช้เครื่องชั่งโดยที่รู้อยู่ว่าเครื่องชั่งนั้นแสดงผลผิดหรือไม่เที่ยงตรงเกินกฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles