นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯ เลื่อนกำหนดการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไป 90 วัน ว่า เชื่อว่าทั่วโลกต่างแปลกใจ เพราะยากจะเดาทิศทางของสหรัฐฯ ได้ถูกต้อง แต่สำหรับรัฐบาลไทย ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่คาดเดาไว้แล้วว่า สุดท้ายแล้วสถานการณ์จะออกมาในลักษณะนี้ เนื่องจากมองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีในอัตราสูงตามที่ประกาศออกมาในครั้งแรก เพราะจะสร้างความเสียหายต่อทุกประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ เองด้วย ดังนั้น หลังจากนี้ จะทำให้ทุกฝ่ายมีเวลามานั่งพูดคุยกัน เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่จะนำไปสู่โจทย์ นั่นคือ การสร้างสมดุลทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่าง ๆ
เมื่อมีการเลื่อนใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไปก่อน แผนการดำเนินงานหลัก ๆ ของไทยคงไม่เปลี่ยนแปลง เพราะมีทิศทางหลัก ๆ ไว้หมดแล้ว แต่ยอมรับว่าต้องปรับบางเรื่องให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้เลื่อนการเก็บภาษีตอบโต้ให้ทั้งโลก แต่เลื่อนให้เฉพาะบางกลุ่มประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยต้องมาดูว่าส่วนที่ไม่ได้ถูกเลื่อน จะเกิดอะไรขึ้น และไทยจะสามารถเข้าไปเติมเต็มสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร
นายพิชัย เชื่อว่า การเดินทางเพื่อไปเจรจากับสหรัฐฯ คงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว โดยเบื้องต้น จะนัดพูดคุยกับสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ก่อน ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติ เพื่อดูทิศทางว่าไทยจะสามารถดำเนินการตามข้อเสนอต่าง ๆ ได้หรือไม่ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายระดับนโยบายของสหรัฐฯ ก็จะต้องมาหารือกับระดับปฏิบัติการก่อนอยู่แล้ว ซึ่งหากไทยไปคุยกับระดับนโยบายเร็วเกินไป จะทำให้กลับตัวไม่ทัน ดังนั้นจึงต้องทำให้มั่นใจก่อนว่าสิ่งที่รัฐบาลเตรียมจะนำไปเสนอนั้น จะสามารถปฏิบัติได้จริง และเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล รวมถึงจะเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย โดยแนวทางของรัฐบาลไม่ได้จะมีแค่การนำเข้าสุกรเพิ่มเท่านั้น แต่เป็นแนวทางทางสมดุลทางการค้าที่เตรียมไปเจรจา แก้ปัญหาจากสิ่งที่เป็นวิกฤตในขณะนี้ คือ ต้องทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์ แต่ก็ต้องอยู่บนหลักการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการในประเทศด้วย