นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังแถลงนโยบายต่อผู้บริหารและข้าราชการของกระทรวงคมนาคม ว่า เรื่องแรก สำหรับ มาตรการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง 20 บาทตลอดสาย ว่าจะมีการสานต่อหรือไม่นั้น เดิมที่ จะมีกำหนดสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดก่อนได้มีมติขยายมาตรการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล จึงจำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณา ครม. อีกครั้ง เพราะต้องศึกษาให้รอบด้าน เพื่อให้เกิดความรอบคอบและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยในระหว่างการพิจารณา ประชาชนจะต้องจ่ายค่าโดยสารในอัตราปกติไปก่อนซึ่งเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังการแถลงนโยบายของรัฐบาลแล้วเสร็จ เพื่อประกาศมาตรการที่ชัดเจนให้ประชาชนทราบ ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมีการแถลงนโยบายในวันที่ 29-30 กันยายน 2568
อย่างไรก็ดี ขอให้ประชาชนใจเย็น โดยย้ำว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้จำกัดเพียงแค่รถไฟฟ้าเท่านั้น แต่จะพิจารณาให้ครอบคลุมการเดินทางในทุกมิติ ทั้งรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) และที่สำคัญคือค่าผ่านทางด่วน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชนในภาพรวม โดยภายในระยะเวลา 4 เดือนจากนี้ ประชาชนจะได้เห็นมาตรการเร่งด่วนด้านการลดภาระค่าครองชีพ โดยกระทรวงคมนาคมจะจัดทำเป็นชุดมาตรการพิเศษครอบคลุมการเดินทางทุกระบบ ไม่เพียงเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า แต่ยังมีแนวโน้มขยายผลไปยังเส้นทางอื่นเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังมีแนวทางลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ค่าผ่านทางพิเศษและทางด่วน ค่าโดยสารรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รวมถึงค่าเรือโดยสารสาธารณะ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนอย่างรอบด้าน ทั้งหมดนี้จะต้องหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี ก่อนนำเสนอเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการ โดยภายใน 2 สัปดาห์หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จะมีความชัดเจน พร้อมประกาศใช้มาตรการเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมทันที เพื่อให้ประชาชนสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์โดยตรง
ส่วนโครงการเมกะโปรเจกต์ที่เหลือ ตนยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมจะเดินหน้าโครงการรถไฟรางคู่ทั้ง 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ สายอีสาน (นครราชสีมา-หนองคาย) สายเหนือ (นครสวรรค์-เชียงใหม่) และสายใต้ (ชุมพร-ปาดังเบซาร์) ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถนำเข้า ครม. ได้ภายใน 4 เดือนนี้อย่างแน่นอน และ สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ ตรงนี้ ตนและทางกระทรวงขอเวลาศึกษาในรายละเอียดอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อ แม้จะมีทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้าน เพื่อพัฒนาการเชื่อมต่อเส้นทางเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับประเด็นเรื่องที่ดินเขากระโดง เบื้องต้นตนได้มีหารือกับทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตนอยากแจงให้ชัดเจนว่า เป็นหน้าที่ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่จะดำเนินคดีกับผู้ครอบครองที่ดินทั้ง 995 แปลง ทุกราย โดยจะฟ้องเป็นรายแปลงเพื่อนำที่ดิน กลับคืนมาเป็นของรัฐ ตามคำสั่งศาล ยืนยันว่า ไม่ใช่การฟ้องรวบและยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดจะเป็นไปตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา