‘พิพัฒน์’ นัดถก 5 ฝ่ายแก้สัญญาไฮสปีดเทรน 3 สนามบิน EEC คาดนัดหมายกันได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ เล็งเสนอขยายเส้นทางดันต้นทุนพุ่ง 2 แสนล้านบาท

'พิพัฒน์' นัดถก 5 ฝ่ายแก้ สัญญาไฮสปีดเทรน 3 สนามบิน EEC คาดนัดหมายกันได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ เล็งเสนอขยายเส้นทางดันต้นทุนพุ่ง 2 แสนล้านบาท

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของแผนงานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มูลค่าลงทุน 224,544.36 ล้านบาท เกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาสัมปทาน ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดมีข้อสังเกต 18 ประเด็นที่ทุกฝ่ายต้องหาทางออกร่วมกัน ดังนั้น จะประชุมหารือร่วมกับารรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในฐานะเจ้าของโครงการ รวมทั้ง บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (ซี.พี.) ซึ่งเป็นเอกชนคู่สัญญา, อีอีซี และสำนักงานอัยการสูงสุด โดยจะนัดหมายประชุมทั้ง 5 ฝ่าย

ด้านนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการ EEC คาดว่าจะนัดหมายกันได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อให้มีข้อสรุปเสนอบอร์ดอีอีซีในการประชุม เดือน ธ.ค.68 โดยภาพรวมของโครงการตอนนี้ หลังจากอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาฯ และมีความเห็น 18 ข้อนั้น รฟท.และ ซี.พี.ได้นำมาหารือร่วมกัน ค่อนข้างจะเห็นตรงกันในหลายๆประเด็นแล้ว ส่วนที่ยังไม่ตรงกับที่อัยการสูงสุดให้ความเห็นมา ทาง รฟท.และซีพี.ก็จะทำหนังสือสอบถามกลับไปอีกครั้ง รวมถึงอาจจะหารือเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจด้วย โดยเห็นว่าความเห็น 18 ข้อมีบางข้อที่ที่อาจจะตึงเกินไป

ส่วนข้อเสนอของประธานบอร์ดอีอีซี ที่ให้ต่อขยายโครงการออกไปถึง ระยอง จันทบุรี และตราดนั้น ประธานบอร์ดอีอีซี อยากให้มองสนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางของโครงการไฮสปีด 3 สนามบิน ไม่ใช่มองว่าเป็นปลายทาง เพราะถ้ามองว่าอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลาง โครงการนี้ควรจะมีเส้นทางออกไป 2 ขา คือ ต่อขยายไปถึง จ.ตราด (โครงการระยะที่ 2) เชื่อว่าจะทำให้ผู้โดยสารมีมากขึ้นทั้ง 2 ขา คือ ฝั่งไป จ.ตราด และฝั่งเข้ากรุงเทพฯ แต่ประเด็นสำคัญก็ต้องพิจารณาถึงต้นทุนต่างๆ เพราะค่อนข้างใช้เงินทุนสูง อีกประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งก็ต้องหารือกับเอกชน และอาจจะต้องทำเป็นสัญญาใหม่

ด้านโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการภาคตะวันออก มูลค่า 290,000 ล้านบาท ที่มี บจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) เป็นเอกชนคู่สัญญานั้น หลังแก้ปัญหารถไฟเชื่อม 3 สนามบินเสร็จแล้ว ก็จะเชิญผู้เกี่ยวข้องกับโครงการสนามบินอู่ตะเภามาพูดคุยเช่นกัน ขณะนี้มีข้อยุติว่าเอกชนจะตัดเงื่อนไขรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินออก เหลือประเด็นการลดสเกลการพัฒนาอาคารผู้โดยสารระยะที่ 1 ปรับขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเหลือ 3 ล้านคน/ปี และการให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนต่างๆ กับ UTA ที่รอเสนอบอร์ดอีอีซี เห็นชอบ เนื่องจากทางเอกชนเห็นว่าต้องมีการศึกษาวิเคราะห์คาดการณ์อัตราการเติบโตของผู้โดยสารตลอดอายุสัมปทาน 50 ปีใหม่ว่าจะสามารถคงระดับไว้ที่ 60 ล้านคน/ปีหรือไม่ ซึ่งทาง UTA จะไปจ้างที่ปรึกษาศึกษาเอง คาดส่งผลการศึกษาได้ภายในเดือน พ.ย.นี้

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles