นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ คณะกรรมการค่าจ้างจะพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หลังจากคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองได้เสนออัตราค่าจ้างผ่านการประชุมเมื่อวันที่ 22 มีนาคม โดยจะพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแนะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 10 จังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ สงขลา พังงา ประจวบคีรีขันธ์ และระยอง หากคณะกรรมการค่าจ้างมีมติเห็นชอบ จะเสนอคณะรัฐมนตรีในวันที่ 2 เมษายน หรือ 9 เมษายน เพื่อรับทราบและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน เป็นของขวัญปีใหม่ไทย
โดยในการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 10 จังหวัดในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หมวดการบริการโรงแรมและที่พัก ที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการวิเคราะห์และปรับปรุงสูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อสะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายกิจการ รายสาขา รายพื้นที่
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง คาดว่าในเดือนเมษายน 2567 พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 จะมีผลบังคับใช้ คงทำให้เศรษฐกิจมีความคึกคักขึ้น เนื่องจากมีเม็ดเงินใหม่จากงบประมาณ เข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังก็ไม่ได้หยุดนิ่ง อะไรที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
ขณะที่กรมบัญชีกลางที่เป็นหน่วยงานในการดูแลเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ ก็ทำงานไปมากแล้ว ออกมาตรการต่างๆ เตรียมการไว้ เมื่องบประมาณอนุมัติก็จะเบิกจ่ายได้ทันที โดยหน่วยงานรัฐเองก็ต้องเร่งทำงานเช่นกัน หากกระบวนการไม่เสร็จในปีงบ 2567 โครงการก็มีสิทธิถูกพับไปได้
“สิ่งไหนที่เตรียมไว้ได้ก็ทำเลย ไม่ใช่เงินมาแล้วเพิ่งเริ่มทำร่างสัญญาการจัดซื้อจัดจ้าง ทำทีโออาร์ ซึ่งกรมบัญชีกลางก็ได้ทำไปหมดแล้ว เชื่อมั่นว่าขณะนี้ทุกหน่วยงานภาครัฐขยับไปเตรียมพร้อมกันหมดแล้ว ดังนั้น คิดว่าเศรษฐกิจเดือนหน้าจะคึกคักขึ้นเพราะงบประมาณไหลลงไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ” นายลวรณกล่าว
