ฟอร์ด มอเตอร์ลดกำลังผลิตกระบะไฟฟ้า(อีวี)ถึง 50% ตลาดรถอีวีเชิงพาณิชย์ซบเซา

ฟอร์ด มอเตอร์ ลดกำลังผลิต กระบะไฟฟ้า(อีวี)ถึง 50% ตลาดรถอีวีเชิงพาณิชย์ซบเซา

ฟอร์ด มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ตัดสินใจลดการผลิตรถกระบะไฟฟ้า 100% หรือกระบะอีวี รุ่นเอฟ-150 ไลท์นิ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนตุลาคมปี 2023 ฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศตัดกะทำงานชั่วคราวออก 1 ใน 3 จากจำนวนกะทำงานปกติที่โรงงานมิชิแกน

สาเหตุจากภาวะตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาซบเซาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฝ่ายบริหารต้องตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการลดจำนวนกะทำงานของพนักงานในโรงงานที่มีชื่อว่า รูจ อิเลคทริก เวฮิเคิล เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นโรงงานที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการผลิตรถอีวีของฟอร์ด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2024 เป็นต้นไป

มาตราการในการปรับลดค่าใช้จ่ายของฟอร์ด มอเตอร์ ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อพนักงานจำนวนมากถึง 1,400 คน ในจำนวนดังกล่าวจะมีพนักงาน 700 คน ถูกย้ายไปทำงานในโรงงานมิชิแกน บางส่วนจะโอนไปทำงานตามบริษัทในเครือของฟอร์ด มอเตอร์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมิชิแกน ในขณะที่อีกจำนวนหนึ่งอาจเข้าโครงการเกษียณพิเศษ

ตลาดรถกระบะพลังงานไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาเผชิญภาวะซบเซาท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาชะลอตัว ต้นทุนการเงินของผู้บริโภคอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้เจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม ผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาต้องเลื่อนการเปิดโรงงานผลิตรถกระบะไฟฟ้าที่มิชิแกนมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 144,000 ล้านบาท ไปอีกหลายปีข้างหน้า

ทั้งนี้ เมื่อเดือนธันวาคมปี 2023 ฟอร์ด มอเตอร์ แจ้งไปยังซัพพลายเออร์ในเครือของฟอร์ดว่า มีแผนเตรียมผลิตรถกระบะอีวีรุ่นเอฟ-150 ไลท์นิ่ง จำนวน 1,600 คันต่อสัปดาห์ ซึ่งลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 3,200 คัน โดยจะเริ่มในเดือนมกราคมปี 2024 นี้ รถกระบะอีวีของฟอร์ด มอเตอร์ เริ่มต้นผลิตเมื่อเดือนเมษายนปี 2022 ในปี 2023 ผ่านไป ขายได้มากกว่า 24,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 55% จากยอดขายในปี 2022 ที่ขายได้ 15,600 คัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles