นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมกับสภาหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับว่าที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจ วานนี้ (18 ก.ย.) ว่าที่ประชุมได้หารือร่วมกับภาคเอกชน ถึงแนวนโยบายสำคัญที่จะใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังรัฐบาลชุดใหม่เริ่มทำงาน ซึ่งภาคเอกชนได้สะท้อนข้อเสนอหลักให้รัฐบาลดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งหรืออ่อนจนเกินไป เนื่องจากส่งผลต่อการนำเข้า-ส่งออก และการลงทุนด้านเครื่องจักร พร้อมกันนี้ยังเสนอให้มีมาตรการด้านภาษีที่จูงใจและเอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น
ในส่วนของประชาชน นโยบาย “คนละครึ่ง” กำลังเป็นที่จับตามอง แม้จะยังไม่ได้มีการประกาศรายละเอียดอย่างเป็นทางการ แต่มีแนวทางเบื้องต้นว่า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับสิทธิในลักษณะ top up เช่น หากบัตรสวัสดิการให้สิทธิ 300 บาท รัฐบาลจะเติมให้อีก 700 บาท รวมเป็น 1,000 บาท เพื่อไม่ให้น้อยกว่าประชาชนทั่วไป ขณะเดียวกันยังมีการพิจารณามอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี เช่น อาจได้รับสิทธิ 1,200 บาทต่อคน แทน 1,000 บาท จากนี้ต้องไปดูขั้นตอนทางเทคนิค แต่นโยบายนี้ ปฏิบัติแน่ เพราะหารือกันมาถึงแนวทางการปฏิบัติแล้ว
ส่วนกรณีภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ที่ต้องถูกเลื่อนจัดเก็บเต็มอัตราออกไป เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่เป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งหลายคนการได้มาซึ่งที่ดินคือการเก็บหอมรอมริบ เราไม่ควรต้องไปลงโทษคนกลุ่มนั้นนี่คือแนวทางของรัฐบาลชุดนี้ กำลังหาทางออกที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย
ขณะที่ ด้านพลังงาน นายสิริพงศ์เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเดินหน้าโครงการ “โซลาร์ชุมชน” ภายใน 4 เดือน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 โดยตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในชุมชนรวมกว่า 1,500 เมกะวัตต์ในระยะเริ่มต้น ส่วนนโยบายเฉพาะหน้า จะมีการตรึงราคาพลังงาน และหากทำสำเร็จเรามองไปถึงการลดราคาพลังงานในปีหน้า อีกทั้งยังมีแนวคิดผลักดันให้แต่ละจังหวัดแต่งตั้ง รองผู้ว่าฯด้านเศรษฐกิจ เพื่อดูแลและขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงรุกในระดับพื้นที่ ถือเป็นการต่อยอดแนวทางที่เคยทำไว้สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย