มนุษย์เงินเดือนสายออฟฟิศ-โรงงาน ควักจ่ายสมทบประกันสังคมเพิ่ม ผู้ประกันตนมาตรา 33 จ่ายสมทบเพิ่มขึ้นสูงสุด 1,150 บาท/เดือน แลกกับสิทธิประโยชน์ บำนาญ-เงินทดแทนเพิ่มขึ้น

มนุษย์เงินเดือนสายออฟฟิศ-โรงงาน ควักจ่ายสมทบ ประกันสังคม เพิ่ม ผู้ประกันตนมาตรา 33 จ่ายสมทบเพิ่มขึ้นสูงสุด 1,150 บาท/เดือน แลกกับสิทธิประโยชน์ บำนาญ-เงินทดแทนเพิ่มขึ้น

สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส. เปิดเผยว่า ปัจจุบันกฎหมายประกันสังคม กำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33 ไว้ไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ ปี 2538 จึงเห็นสมควรปรับปรุงให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ทั้งกรณีว่างงาน ชราภาพ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ และเสียชีวิต โดยจะปรับแบบขั้นบันได

สำหรับร่างกฎกระทรวงใหม่ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เตรียมจะมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 69 นั้น หัวใจหลัก คือปรับปรุงกำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ซึ่งเดิมกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ใช้ค่าจ้างฐาน 15,000 บาท เพื่อคำนวณเงินสมทบฯ จึงได้มีแผนปรับให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ดังนี้

  • ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 17,500 บาท
  • ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2570 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 20,000 บาท
  • ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2573 เป็นต้นไป จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 23,000 บาท

เดิมฐานคำนวณอยู่ที่ 15,000 บาท ต้องจ่ายสมทบประกันสังคมสูงสุด 750 บาท เมื่อมีการปรับฐานใช้คำนวณเงินสมทบใหม่ ทำให้ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้น แต่ได้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น

ปี 2569-2571 ปรับฐานค่าจ้างเป็น 17,500 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน แต่ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น ดังนี้

  • เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 8,750 บาทต่อเดือน (291 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 52,500 บาท)
  • เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 26,250 บาทต่อครั้ง
  • เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 8,750 บาทต่อเดือน
  • เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 105,000 บาท
  • เงินทดแทนกรณีว่างงาน 8,750 บาทต่อเดือน
  • เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,500 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 6,125 บาทต่อเดือน

ปี 2572-2574 ฐานปรับค่าจ้างเป็น 20,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ดังนี้

  • เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 10,000 บาทต่อเดือน (333 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 60,000 บาท)
  • เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 30,000 บาทต่อครั้ง
  • เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 10,000 บาทต่อเดือน
  • เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 120,000 บาท
  • เงินทดแทนกรณีว่างงาน 10,000 บาทต่อเดือน
  • เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,000 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 7,000 บาทต่อเดือน

ปี 2575 เป็นต้นไป ปรับฐานค่าจ้างเป็น 23,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือน ได้รับสิทธิประโยชน์ได้รับเพิ่ม ได้แก่

  • เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 11,500 บาทต่อเดือน (383 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 69,000 บาท)
  • เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 34,500 บาทต่อครั้ง
  • เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 11,500 บาทต่อเดือน
  • เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 138,000 บาท
  • เงินทดแทนกรณีว่างงาน 11,500 บาทต่อเดือน
  • เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,600 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 8,050 บาทต่อเดือน
ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles