นายแม็กซ์ เลย์ตั้น หัวหน้าสายงานวิจัยตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะมีมีราคาขึ้นถึงระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายใน 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้านับจากนี้เป็นต้นไป สาเหตุจากขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และเศรษฐกิจในกลุ่มสหภาพยุโรปเข้าสู่วงจรความไม่แน่นอนสูง และเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงในภูมิภาคทรานส์แอตแลนติก ปัจจัยจากสถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนตัดสินใจเพิ่มกลยุทธ์และสัดส่วนการลงทุนในตลาดทองคำรวมถึงหน่วยลงทุนทองคำอีทีเอฟเป็นจำนวนมากมากขึ้น
ในสัปดาห์ผ่านไป ธนาคารกลางกลุ่มยูโรโซนหรืออีซีบีได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้เป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สามติดต่อกันซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนยังคงอยู่ในช่วงของการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ล้วนประเมินในทิศทางเดียวกันว่า ธนาคารกลางกลุ่มยูโรโซนจะยังคงตัดลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยปรับลดลงแรงถึง 0.5% เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี สะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาอยู่ในภาวะที่ชะลอตัวลง เช่นกัน
สำหรับราคา หรือผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดทองคำโลก พบว่านับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงคืนที่ผ่านมา 19 ตุลาคม 2024 ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทะยานมากกว่า 31% ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนครึ่งของปีนี้ ราคาทองคำพุ่งสูงดีที่สุดในรอบ 45 ปีที่ผ่านมาหรือนับตั้งแต่ปี 1979 เป็นต้นมา
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2024 ผ่านมา นายอาคาช โดชิ หัวหน้าสายงานวิจัยตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ภูมิภาคอเมริกาเหนือ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่ชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ในระยะกลางแล้ว มีโอกาสถึง 25% ที่ราคาทองคำตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นไปเฉลี่ยที่ระดับ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 นี้ ส่วนระยะยาว คาดการณ์ว่า ราคาทองคำโลกจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปแตะที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ภายใน 12-16 เดือนข้างหน้า(จากวันที่วิเคราะห์ไว้เมื่อ 21 มีนาคม 2024)
สาเหตุจากนักลงทุนมองทองคำเป็นเครื่องมือประกันภาวะตลาดหรือเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูงใหม่ คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 นี้ ระหว่างนางคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพลับริกัน ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจุดยืนชัดเจนในการใช้นโยบายอย่างรุนแรงทั้งกีดกันและตอบโต้ด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศกับจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงจะมีการไม่ต่ออายุนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาเมื่อครบวาระด้วย