มิตซูบิชิ มอเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ในปี 2024 นี้ มีความเป็นไปได้สูงที่มิตซูบิชิจะทำยอดขายรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในตลาดประเทศฟิลิปปินส์ ส่งผลให้เป็นยอดขายสูงสุดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
นายเซ็นต้า อิชิกาว่า ผู้บริหารระดับสูงดูแลตลาดอาเซียน มิตซูบิชิ มอเตอร์เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ของประเทศฟิลิปปินส์กำลังมีความสำคัญอย่างมากเหมือนกับตลาดรถยนต์ในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศไทย หรือจะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคตอีกด้วย ก่อนหน้านี้ ตลาดรถยนต์ 3 อันดับแรกที่ขายดีที่สุดของมิตซูบิชิ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ยอดขายของมิตซูบิชิในประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้มียอดขายห่างจากตลาดอินโดนีเซียไม่มากนัก ในปี 2023 มิตซูบิชิมียอดขายที่ 78,000 คัน
สำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศฟิลิปปินส์นั้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดขายต่อปีเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 80% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจนถึงปี 2023 ท่ามกลางยอดขายรถยนต์ของมิตซูบิชิมอเตอร์สในประเทศฟิลิปปินส์ที่เติบโตขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคมปี 2023 ของมิตซูมิชิมอเตอร์ สาเหตุจากประชาชนชาวฟิลิปปินส์มีความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจ และมีกำลังซื้อมากขึ้นหลังจากธนาคารกลางฟิลิปปินส์ลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงเมื่อเดือนสิงหาคมผ่านไป นอกจากนี้ ชาวฟิลิปปินส์มีกำลังซื้อเพิ่มเติมจากการส่งรายได้จำนวนมากจากแรงงานชาวฟิลิปปินส์ที่ไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินเปโซ ฟิลิปปินส์ ร่วงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา
มิตซูบิชิ มอเตอร์ ดำเนินธุรกิจรถยนต์กับประเทศฟิลิปปินส์มาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 70 ปี โดยเริ่มต้นจากการส่งออกไปยังประเทศฟิลิปปินส์ในปี 1955 มาถึงในปี 1972 มิตซูบิชิ มอเตอร์ ร่วมลงทุนภายในประเทศฟิลิปปินส์กับค่ายรถยนต์ไครส์เลอร์ของสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งถึงยุคทศวรรษที่ 2010 เศรษฐกิจประเทศฟิลิปปินส์ขยายตัวสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้ต่อหัวต่อจีดีพี เพิ่มขึ้นแต่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาในช่วงหลังปี 2010 ถึง 2016 รัฐบาลฟิลิปปินส์ในยุคสมัยนั้นได้ประกาศใช้มาตรการยกเว้น การเก็บภาษี และประกาศมาตรการจูงใจ ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทำการผลิตรถยนต์ในจำนวนขั้นต่ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้มิตซูบิชิจึงกลายเป็นค่ายรถยนต์ต่างประเทศแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลประเทศฟิลิปปินส์ และได้โรงงานผลิตรถยนต์จากฟอร์ดมอเตอร์
ก่อนหน้านี้ในช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ผ่านมา นิกเคอิ รายงานว่ายอดขายรถยนต์ในภาพรวมของประเทศไทยในไตรมาส 3 พบว่ามียอดขายดำดิ่งแรงถึง -28% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 สอดรับกับยอดขายเปรียบเทียบไตรมาส 2 ในปีนี้ ปรากฏว่ามียอดขายตกต่ำถึง -9.5% ที่สำคัญ นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 ยอดขายรถยนต์ในไทยตกต่ำยาวนานมาถึง 16 เดือนติดต่อกัน ส่งผลให้เป็นที่น่าจับตามองอย่างมากระหว่างตลาดรถยนต์ไทยกับตลาดรถยนต์ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งในปัจจุบันมีขนาดใหญ่อันดับ 4 ของอาเซียนนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่ตลาดรถยนต์ฟิลิปปินส์ในภาพรวมจะแซงประเทศไทยขึ้นมามีขนาดใหญ่อันดับ 3 หากเป็นอย่างนั้นจริง ทำให้ในปี 2024 นี้ ประเทศไทยสูญเสียขนาดตลาดรถยนต์ถึง 2 ครั้งให้กับ 2 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ เมื่อไตรมาสที่ 2 ผ่านไป มาเลเซียแซงขึ้นมามีขนาดใหญ่อันดับ 2 และฟิลิปปินส์กำลังจะขึ้นมามีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียน
ตลาดรถยนต์ประเทศฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 3 ปรากฏว่า ทำยอดขายในประเทศได้เพิ่มขึ้นถึง +5.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 นอกจากนี้ ยังมียอดขายพุ่งทะยานมากถึง +11% เมื่อเปรียบเทียบกับในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ดังนั้น ยอดขายรถยนต์ตลาดฟิลิปปินส์มีช่วงห่างเพียง 12,604 คันเมื่อเทียบกับยอดขายของตลาดรถยนต์ไทย ในขณะที่เมื่อช่วง 2 ปีผ่านมา ยอดขายรถยนต์ของประเทศฟิลิปปินส์ห่างมากถึง 113,111 คัน เมื่อเทียบกับยอดขายตลาดรถยนต์ของไทย
สาเหตุที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ในตลาดประเทศฟิลิปปินส์เติบโตมากขึ้นในไตรมาสที่ 3 เป็นผลจากประชาชนชาวฟิลิปปินส์มีความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจ และมีกำลังซื้อมากขึ้นหลังจากธนาคารกลางฟิลิปปินส์ลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงเมื่อเดือนสิงหาคมผ่านไป นอกจากนี้ ชาวฟิลิปปินส์มีกำลังซื้อเพิ่มเติมจากการส่งรายได้จำนวนมากจากแรงงานชาวฟิลิปปินส์ที่ไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินเปโซ ฟิลิปปินส์ ร่วงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา