ยักษ์บริษัทน้ำมันระดับโลก เชฟรอนปลดพนักงาน 800 คนใน 2 รัฐใหญ่ของสหรัฐ เดินหน้าแผนลดค่าใช้จ่ายปลด 8,000 คนทั่วโลกจบสิ้นปี 2026

ยักษ์บริษัทน้ำมันระดับโลก เชฟรอน ปลดพนักงาน 800 คนใน 2 รัฐใหญ่ของสหรัฐ เดินหน้าแผนลดค่าใช้จ่ายปลด 8,000 คนทั่วโลกจบสิ้นปี 2026

เชฟรอน (Chevron) ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ในธุรกิจพลังงานของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เตรียมประกาศปลดพนักงาน 200 คนในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา สำหรับการปลดพนักงานจำนวน 200 คนในเมืองมิดแลนด์ เคาน์ตี้ รัฐเท็กซัส จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ เตรียมปลดพนักงานจำนวนมากถึง 600 คน ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จะมีผลในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นทยอยปลดพนักงานทั่วโลกตามที่เคยประกาศว่าจะต้องปลดพนักงานครั้งใหญ่ 8,000 คนทั่วโลกให้เสร็จสิ้นภายในปี 2026

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ผ่านมา เชฟร่อน (Chevron) ประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่มากกว่า 6,000 ถึง 8,000 คนทั่วโลก หรือ 15% ถึง 20% ของพนักงานในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 40,212 คน การปลดพนักงานทั้งหมดในครั้งนี้จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2026 สาเหตุจากนโยบายปรับลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ การปรับลดโครงสร้างธุรกิจ และการควบรวมธุรกิจทั้งนอกเครือและในเครือ

เชฟร่อนต้องเผชิญกับความล่าช้าอย่างมากกับโครงการลงทุนน้ำมันดิบในประเทศคาซัคสถาน ซึ่งส่งผลต่องบประมาณเพิ่มสูงมากกว่าที่ได้กำหนดไว้ทำให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนในประเทศดังกล่าวมากเกินความจำเป็น นอกจากนี้โครงการลงทุนในลักษณะเดียวกันในประเทศกายอานาในอเมริกาใต้ยังคงไม่มีความชัดเจน และตกอยู่ในความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากยังคงมีคดีความกับบริษัทเอ็กซ์ซ่อน ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

นายไมค์ เวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ กล่าวว่า สำหรับการปรับลดต้นทุนในครั้งนี้เชฟร่อนประเมินว่าจะมีต้นทุนราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 102,000 ล้านบาท ด้านผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 เมื่อปีผ่านไป ปรากฏรายได้มีผลกระทบจากกำไรที่อ่อนแอลงมากในธุรกิจผลิตน้ำมันเบนซิน และดีเซล ทำให้ผลประกอบการกลุ่มธุรกิจการกลั่นน้ำมันของเชฟร่อนขาดทุนในไตรมาส 4 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020

ด้านสต็อกปริมาณน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของเชฟร่อนลดลงต่ำสุดอย่างน้อยในรอบกว่า 10 ปีผ่านมา ส่งผลให้กลายเป็นข้อกังวลทั้งฝ่ายบริหาร และนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มและอนาคตของธุรกิจพลังงานของเชฟร่อนถ้าหากเชฟร่อนประสบความล้มเหลวในการควบรวมกิจการกับเฮสส์ นั่นจะส่งผลให้ กลายเป็นการเจรจาควบรวมธุรกิจที่ประสบความล้มเหลวครั้งที่ 2 ภายใต้การนำของ ซีอีโอคนปัจจุบัน โดยในปี 2019 ผ่านไปเชฟร่อนตัดสินใจยุตติการควบรวมกิจการ ด้วยการซื้อบริษัทอนาดาร์โก้ ปิโตรเลียม คอร์ป เนื่องจากคู่แข่งคือบริษัทอ็อกซิเดนทัล ปิโตรเลียม ได้เสนอราคาซื้อกิจการที่สูงกว่าเชฟร่อน

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมพลังงาน โดยเฉพาะธุรกิจผลิตน้ำมันในประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องเข้าสู่ยุคที่มีการลดขนาดของธุรกิจและแข่งขันในแง่ประสิทธิภาพของการบริหารงานและรายได้ ในขณะเดียวกันเป็นที่ทราบกันดีว่าในธุรกิจน้ำมันของสหรัฐอเมริกาจะต้องเน้นยุทธศาสตร์ในการควบรวม และประสิทธิภาพในการผลิต มากกว่าที่จะเป็นการสำรวจแหล่งผลิตน้ำมันดิบใหม่ กลางต้นทุนที่สูงขึ้นต่อเนื่องและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมีการชะลอตัวในช่วงหลายปีผ่านมา

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles