ยักษ์อีคอมเมิร์ซระดับโลก อเมซอนปลดพนักงานกว่า 100 คนในบริษัท AWS ธุรกิจบริการเก็บข้อมูลรูปแบบคลาวด์ ตอกย้ำคำเตือนของซีอีโออเมซอนว่า เอไอลดพนักงานอเมซอน

ยักษ์อีคอมเมิร์ซระดับโลก อเมซอน ปลดพนักงาน กว่า 100 คนในบริษัท AWS ธุรกิจบริการเก็บข้อมูลรูปแบบคลาวด์ ตอกย้ำคำเตือนของซีอีโออเมซอนว่า เอไอคือสึนามิปลดพนักงาน

อเมซอน อินคอร์ปอเรชั่น (Amazon) ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริการการจัดเก็บแบะบริหารระบบข้อมูลคลาวด์ (Cloud) บันเทิง และเกมออนไลน์ ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานจำนวนตั้งแต่ 100 คนจากพนักงานทั้งหมดในปัจจุบันในบริษัทอเมซอน เว็บ เซอร์วิส หรือ AWS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่บริการการจัดเก็บแบะบริหารระบบข้อมูลคลาวด์ (Cloud) ชื่อดังระดับโลก อย่างไรก็ตาม จำนวนพนักงานที่ถูกปลดออกตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปนั้นไม่ได้ระบุตัวเลขพนักงานที่ถูกปลดออกอย่างชัดเจน ในปัจจุบัน อเมซอน อินคอร์ปอเรชั่น มีการจ้างพนักงานทั้งประจำและชั่วคราวรวมกันทั้งหมดกว่า 1.6 ล้านคนทั่วโลก

ก่อนหน้านี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ อเมซอน อินคอร์ปอเรชั่น นายแอนดี้ แจสซี่ กล่าวเตือนว่า การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เข้ามาใช้งานภายในองค์กรต่างๆรวมถึงอเมซอนนั้น จะกลายเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดการลดจำนวนพนักงานลงอย่างมากมาย สำหรับอเมซอน อินคอร์ปเรชั่น จำนวนพนักงานที่จะต้องถูกปรับลดลงจะเกิดขึ้นภายใน 2-3 ปีจากนี้ไป ในปัจจุบันบริษัทได้ใช้เอไอทั่วทุกสายงาน และแผนกต่างๆแล้ว

สำหรับพนักงานที่เข้าข่ายในการถูกปลดออกในครั้งนี้ ได้แก่ พนักงานในฝ่ายผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาซอฟต์แวร์ และการพัฒนารหัสโค้ด นอกจากนี้ยังมีพนักงานในสาย งานอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างในครั้งนี้ด้วย

ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของอเมซอน เปิดเผยว่าการตัดสินใจในครั้งนี้เป็นครั้งที่ยากลำบาก แต่เป็นความจำเป็นที่จะยังคงรักษาการลงทุน การจ้างงานที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างประโยชน์สูงสุดของทรัพยากรทุกอย่างที่มีอยู่นั้น ให้เกิดความต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายสูงสุดในการให้บริการกับลูกค้า ด้านพนักงานในบริษัท AWS เปิดเผยว่าได้รับแจ้งทางอีเมลในเช้าวันพฤหัสบดีว่าบริษัทเลิกจ้างพนักงานทันที และเครื่องคอมพิวเตอร์ที่พนักงานใช้อยู่นั้น ได้ถูกปิดการใช้งานโดยอัตโนมัติลงอย่างสิ้นเชิง

อเมซอน อินคอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศปลดพนักงานมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ปลดพนักงานจำนวน 100 คนจากพนักงานทั้งหมดในปัจจุบันในสายงานบริการและอุปกรณ์สั่งการด้วยเสียง สายงานนี้รับผิดชอบในการพัฒนาสินค้าไอทีดังกล่าวที่มีแบรนด์ต่างๆ เช่น คินเดิล(Kindle) ลำโพงเอคโค่(Echo) อเล็กซา(Alexa) ซึ่งเป็นสินค้าเครื่องเสียง ลำโพง ที่ใช้ระบบปฏิบัติการทำงานด้วยการใช้เสียงของมนุษย์สั่งงาน และซูกส์(Zoox) ระบบช่วยขับเคลื่อนรถอัตโนมัติ

การปลดพนักงานในสายงานธุรกิจดังกล่าวในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในปี 2025 และเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 ปี 5 เดือน หรือนับตั้งแต่ 18 พฤศจิกายน 2023 เป็นต้นมา ย้อนไปเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2023 อเมซอน อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานจำนวนหลาย 100 คนในสายงานธุรกิจอเล็กซา (Alexa) ซึ่งพัฒนาและผลิตสินค้าเครื่องเสียง ลำโพง ที่ใช้ระบบปฏิบัติการทำงานด้วยการใช้เสียงของมนุษย์สั่งงาน

นายแดเนียล เร้าช์ ผู้อำนวยการฝ่าย อเมซอน อินคอร์ปอเรชั่น ที่ดูแลสายงานธุรกิจอเล็กซา และสตรีมมิ่งโทรทัศน์ เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเปลี่ยนผ่านบุคลากรและเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้สอดรับกับลำดับความสำคัญของประเภทธุรกิจของอเมซอนในอนาคต รวมไปถึงการเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ประเภทเจนเนอเรทีฟเอไอ ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวจึงนำไปสู่การยุติพัฒนาโครงการที่ได้ริเริ่มมาก่อนหน้านี้ รวมถึงกระทบต่อบุคคลากรในสายงานดังกล่าว

การปลดพนักงานในสายงานธุรกิจอเล็กซา นับเป็นการประกาศปลดพนักงานครั้งที่ 2 ภายในไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์นี้ เนื่องจากย้อนกลับไปเมื่อวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2023 อเมซอน อินคอร์ปอเรชั่นประกาศปลดพนักงานมากกว่า 180 คน และปิดหน่วยธุรกิจสตรีมมิ่งเกมออนไลน์ที่ร่วมสนับสนุนกับพันธมิตรธุรกิจเกมออนไลน์ ที่มีชื่อว่า เกมโกรธ (Game Growth) และคราวน์ ชาแนล (Crown Channel) สาเหตุจากอเมซอนต้องการปรับโครงสร้างธุรกิจบริการสตรีมมิ่งเกมอออนไลน์ครั้งใหญ่ ด้วยการหันกับมาให้ความสำคัญในการเน้นพัฒนาธุรกิจสตรีมมิ่งเกมออนไลน์ของตนเอง

นายคริสทอฟ ฮาร์ทแมนน์ รองผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจสตรีมมิ่งเกมออนไลน์ อเมซอน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน อเมซอนให้บริการธุรกิจสตรีมมิ่งเกมออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นในชื่อว่า โธรนแอนด์ลิเบอร์ตี้ (Throne and Liberty) และบลู โปรโตคอล (Blue Protocol) รวมถึงโครงการริเริ่มสตรีมมิ่งเกมออนไลน์ใหม่ๆในอนาคต ได้แก่ เกมทูมบ์ เรดเดอร์ (Tomb Raider) และเกมลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ (Lord of the Rings)

การปลดพนักงานในครั้งนี้ของอเมซอน อินคอร์ปอเรชั่น เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากในปี 2022 ผ่านมานั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายแอนดี้ แจสซี่ ประกาศนโยบายตัดลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ของอเมซอน ด้วยการปลดพนักงานมากถึง 27,000 คนเมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปีผ่านมา เนื่องจากในปีที่แล้ว เศรษฐกิจและธุรกิจในสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์เงินเฟ้อสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในช่วงขาขึ้นในตลอดทั้งปี 2022 ซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 22 ปี

ด้านผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2023 นี้ ซึ่งเปิดเผยเมื่อเดือนตุลาคมผ่านมา พบว่า รายได้ของบริษัทอเมซอน อินคอร์ปอเรชั่น เพิ่มขึ้น 13% มาอยู่ที่ 143,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 5.15 ล้านล้านบาท ในขณะที่รายได้สุทธิ เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า มาอยู่ที่ 9,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 356,400 ล้านบาท จากในช่วงเดียวกันในปีผ่านมานั้น มีรายได้สุทธิเพียง 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 104,400 ล้านบาท

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles