นาตาชา คาเนวา หัวหน้าสายงานวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า ทองคำมาเป็นอันดับ 1 ในการเลือกเพื่อการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาทองคำโลกมีศักยภาพที่จะเคลื่อนไหวถึงระดับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 นี้ หลังจากราคาทองคำตลาดโลกปิดขึ้นสูงสุดที่ระดับ 2,195.15 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงไม่กี่วันผ่านมา สาเหตุจากตลาดทองคำโลกมีแนวโน้มที่จะได้รับปัจจัยหนุนมากขึ้น
การที่ราคาทองคำจะไปถึงระดับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐนั้น จะต้องมีความต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่อ่อนตัวลง และมีสัญญาณที่ตอบรับชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,176.06 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +19.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.9% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2024 ผ่านมา ราคาทองคำสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ไปอยู่ที่ 2,195.15 ดอลลาร์สหรัฐ
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำเพิ่มขึ้นปิดเพิ่มขึ้นทำสถิติเป็นราคาทองคำรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2023 เป็นต้นมา
ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,181.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น +15.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.7%
ปัจจัยบวกมาจากนักลงทุนกลับมาเดิมพันโอกาสลดดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดรุนแรงครั้งใหม่ของการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในประเทศรัสเซียด้วยโดรนติดขีปนาวุธของยูเครน ส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างมาก
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกอ่อนค่าลง 0.2% สอดรับกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงจากเมื่อวานนี้ที่อยู่สูงในรอบใกล้เคียงสถิติสูงสุดใน 1 เดือนผ่านมา ด้านตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนมิถุนายนนี้อยู่ที่ 70%