นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันว่า ในไตรมาส 4 ของปีนี้ (ต.ค.-ธ.ค.) ประชาชนจะได้รับเงิน 10,000 บาท ไม่เลื่อนแน่นอน ส่วนกรอบเวลาชัดเจนนั้นทาง คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet (บอร์ดดิจิทัลชุดใหญ่) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะมีการประชุมสรุปรายละเอียดทั้งหมดในวันที่ 10 เม.ย. ก่อนส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยเงื่อนไขหลักจะไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ได้ลดจำนวนกลุ่มเป้าหมาย 50 ล้านคน โดยขณะนี้ไทม์ไลน์มีความชัดเจนขึ้น คณะอนุกรรมการสอบถามความจริงได้ดำเนินการใกล้เสร็จสิ้นแล้ว และเตรียมนัดหมายรายงานความคืบหน้า พร้อมตอบคำถามต่อที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ในวันที่ 27 มี.ค. นี้ รวมถึงส่วนงานหรือองค์กรต่างๆ ได้ตอบคำถามมาแล้ว หลังจากส่งคำถามไปไม่น้อยกว่า 100 ส่วนงาน ทั้งภาควิชาการภาคประชาชนกลุ่มหอการค้ากลุ่มสภาอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้ส่งคำตอบกลับมาเกือบครบถ้วน แต่ยังเปิดรับฟังให้ถึง 29 มี.ค. ก่อนจะสรุปรายละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ ในวันที่ 27 มี.ค. จะมีการนำรายงานข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เป็นทางการเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อรับทราบ ก่อนจะมอบหมายให้แต่ละส่วนงานไปดำเนินการตามรายละเอียด และกำหนดนัดคณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้งในวันที่ 10 เม.ย.นี้ โดยจะมีการสรุปรายละเอียดโครงการ และเงื่อนไขทั้งหมดเพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาความเห็นชอบและเดินหน้าต่อ โดยคาดว่าในไตรมาส 3 ของปีนี้ จะเปิดให้มีการลงทะเบียนร้านค้าและประชาชน ซึ่งระบบค่อนข้างพร้อมแล้วในช่วงนั้น และในไตรมาส 4 ของปีนี้ก่อนสิ้นปีจะมีการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ถึงมือประชาชนทุกคนที่อยู่ในกรอบในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 50 ล้านคน และใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังเหมือนเดิม
นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า มีเงินที่จะมาใช้ในโครงการแน่นอน แต่จะออกเป็นพระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนด ก็ต้องรอการประชุมในวันที่ 10 เม.ย. นี้ แต่ขอให้มั่นใจว่า มีเงินให้กับประชาชนแน่นอน โดยที่ไม่เสี่ยง แต่ยังไม่ขอบอกที่มา เพราะไม่สามารถชี้แจงก่อน อาจจะเข้าข่ายผิดกฏหมาย ซึ่งเงื่อนไขรายละเอียดของกลุ่มคนที่จะได้รับยังไม่มีเปลี่ยนแปลง หรือลดจำนวนกลุ่มที่ได้รับเงิน ทั้งนี้ รายละเอียดทั้งหมดจะชัดในการประชุมบอร์ดชุดใหญ่ในวันที่ 10 เม.ย. เช่นกัน
สำหรับรายงานของป.ป.ช.ที่จะหารือ 27 มี.ค. นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีข้อสังเกตไม่ต่างจากเดิมไม่มีกระบวนการเพิ่มเติมในส่วนนั้น เพียงแต่ครั้งที่แล้วถ้าจำไทม์ไลน์ได้ คือการเข้าครั้งนั้น เป็นการแถลงข่าวของป.ป.ช.มาสรุปให้ฟัง แต่ตัวหนังสือยังมาไม่ถึง ครั้งนี้หนังสือมาถึงอย่างเป็นทางการ จึงต้องนำเข้าพิจารณาอย่างเป็นทางการในที่ประชุมตามกฎหมาย
ส่วนกรณีที่มีการมองว่านโยบายและเงื่อนไขของโครงการไม่ตรงตามที่หาเสียงไว้นายจุลพันธ์ชี้แจงว่ายอมรับว่าการดำเนินการอาจต้องมีจุดที่จำเป็นต้องปรับแก้เพื่อให้นโยบายเป็นไปตามกรอบกฏหมายและเดินหน้าโครงการได้โดยรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสมจึงต้องหารือถึงจุดสมดุลตามนโยบายต่างๆไม่ได้เป็นพรรคใดพรรคหนึ่งซึ่งสุดท้ายแล้วจึงต้องเดินหน้าในรูปแบบนี้ดังนั้นเมื่อเดินหน้าโครงการต้องหากลไกที่เหมาะสมตอบสนองต่อหลักการและวัตถุประสงค์ของนโยบายให้มากที่สุดและยืนยันว่านโยบายนี้ไม่ได้เป็นการจูงใจให้เลือกตั้งเพราะผ่านการเลือกตั้งมาแล้วแต่เป็นการทำนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจให้กับประชาชนแต่การเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองก็มีนโยบายในลักษณะนี้ไม่แตกต่างจากนโยบายบัตรคนจนการเพิ่มเงินสวัสดิการผู้สูงอายุซึ่งก็ไม่แตกต่างกันและมีกลไกลักษณะเดียวกันและถือเป็นแนวนโยบายแต่ละพรรค