รัฐบาลจับมือรัฐสภาเวียดนามมั่นใจเศรษฐกิจปีนี้โตกว่า 8% ไฟเขียวสร้างรถไฟเชื่อมต่อจีนกว่า 2 แสนล้านบาท ผุดโรงงานนิวเคลียร์แห่งแรก ไฟเขียวเชื่อมอินเตอร์เน็ตดาวเทียมสหรัฐให้บริการในประเทศ ตัดลดหน่วยงานราชการลง 20% เพิ่มประสิทธิภาพ

รัฐบาลจับมือรัฐสภา เวียดนาม มั่นใจเศรษฐกิจปีนี้โตกว่า 8% ไฟเขียวสร้างรถไฟเชื่อมต่อจีนกว่า 2 แสนล้านบาท ผุดโรงงานนิวเคลียร์แห่งแรก ไฟเขียวเชื่อมอินเตอร์เน็ตดาวเทียมสหรัฐให้บริการในประเทศ ตัดลดหน่วยงานราชการลง 20% เพิ่มประสิทธิภาพ

รัฐสภาแห่งประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติเวียดนาม อนุมัติเป้าหมายตัวเลขอัตราการเติบโต หรือจีดีพีปี 2025 เป็นอย่างน้อย 8% ตามที่รัฐบาลเวียดนามเสนอมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมของรัฐบาลที่ 6.5% ถึง 7% ที่สำคัญ รัฐสภาเวียดนามได้เห็นชอบและผ่านกฎหมายสำคัญเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจเวียดนามรวม 3 โครงการใหญ่ ได้แก่ การลงทุนก่อสร้างระบบรถไฟเกือบ 400 กิโลเมตรเชื่อมถึงชายแดนจีน โครงการสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศ โครงการเชื่อมระบบอินเตอร์เน็ตดาวเทียมสตาร์ลิงค์ของมหาเศรษฐีรวยอันดับ 1 ของโลกอีลอน มัสค์

รัฐสภาเวียดนามได้ลงมติการอนุมัติการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคม และระบบพลังงาน ด้วยการอนุมัติแผนการลงทุนก่อสร้างระบบรางรถไฟมูลค่า 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 282,200 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินส่วนหนึ่งมาจากเงินกู้ของรัฐบาลจีน โครงการนี้ใช้เชื่อมจากเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือไปยังชายแดนเวียดนามกับจีน ในขณะเดียวกันรัฐสภาเวียดนามลงมติอนุมัติการลงทุนก่อสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศเวียดนาม ซึ่งกำหนดสร้างเสร็จภายในสิ้นปี 2031 หรืออีก 6 ปีจากนี้ไป รัฐบาลเวียดนามจะใช้วิธีแต่งตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างทั้งระบบได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเสนอประกวดราคาจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและกฎหมายที่รองรับและให้อำนาจรัฐบาลเวียดนาม

สำหรับการลงทุนก่อสร้างระบบรางรถไฟสายใหม่นี้ จะมีระยะทางยาวทั้งสิ้น 390 กิโลเมตรเริ่มต้นจากเมืองท่าไฮฟองถึงเมืองหล่าวกาย ซึ่งอยู่ติดกับมณฑลยูนนานของประเทศจีน เส้นทางนี้จะผ่านกรุงฮานอยโดยเป็นเส้นทางวิ่งผ่านศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของเวียดนาม ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทระดับโลก เช่น ซัมซุง ฟ็อกซ์คอนน์ เพกาทรอน เป็นต้น การอนุมัติโครงการนี้เกิดขึ้นเพียง 1 ปี หลังจากทั้งเวียดนามและจีนกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น

ในปัจจุบันรถไฟบนเส้นทางเดิมสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วเพียง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เวียดนามระบุว่า เส้นทางใหม่จะรองรับทั้งขบวนรถโดยสารและรถขนส่งสินค้า ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รัฐสภาเวียดนามผ่านกฎหมายอนุมัติการเชื่อมต่อของอินเตอร์เน็ตดาวเทียมสตาร์ลิงค์ของบริษัทสเปซ เอ็กซ์ ซึ่งมีนายอีลอน มัสค์ มหาเศรษฐีรวยอันดับ 1 ของโลก เพื่อให้บริการอินเตอร์เน็ตดาวเทียมภายในประเทศเวียดนาม และยังได้อนุมัติ

ทั้งนี้มติสำคัญของรัฐสภาเวียดนามอีกอย่าง คือ อนุมัติแผนการปฏิรูประบบราชการครั้งสำคัญด้วยการตัดลด 1 ใน 5 หรือราว 20% ของหน่วยงานราชการในประเทศเวียดนาม เพื่อเป็นไปตามนโยบายและเป้าหมายตัดลดค่าใช้จ่ายงบประมาณรัฐบาลในระยะยาว และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานราชการเวียดนามด้วย

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2024 รัฐสภาประเทศเวียดนามลงมติอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 2.35 ล้านล้านบาท โดยมีเส้นทางวิ่งตั้งแต่กรุงฮานอย ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนามไปสิ้นสุดที่เมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศเวียดนาม ทำให้สามารถประหยัดเวลาในการเดินทางซึ่งโดยปกติจะต้องใช้เวลากว่า 35 ชั่วโมงโดยเส้นทางรถยนต์ เมื่อโครงการดังกล่าวสร้างเสร็จจะใช้เวลาในการเดินทางเพียง 5.5 ชั่วโมงหรือประหยัดเวลามากกว่า 6 เท่าในปัจจุบัน

รถไฟความเร็วสูงดังกล่าวจะสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ส่งผลให้ต้องมีการเวนคืนและอพยพประชาชนเป็นจำนวนมากกว่า 120,000 คนตามเส้นทางรถไฟความเร็วสูง รวมถึงจะวิ่งผ่านป่าอนุรักษ์แห่งชาติ และไร่นาข้าวจำนวนมาก รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า หลังจากรัฐสภาเวียดนามมีมติดังกล่าวแล้วโครงการรถไฟความเร็วสูงจะเริ่มก่อสร้างในปี 2027 เป็นต้นไป คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2035 หรือใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปี โครงการนี้ใช้เวลาในการศึกษาจากทุกฝ่ายกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปีเต็ม

โครงการรถไฟความเร็วสูงนี้จะมีระยะทางทั้งหมดประมาณ 1,500 กิโลเมตร มีจำนวนสถานีทั้งหมด 23 แห่ง โดยจะวิ่งผ่านทั้งหมด 20 จังหวัด และเมืองสำคัญ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนและคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 33 ปี 6 เดือน นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ เปิดเผยว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้จะกลายเป็นหัวใจสำคัญ และการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันโลจิสติกส์ครั้งใหญ่ เนื่องจากการขนส่ง หรือโลจิสติกส์ภายในประเทศเวียดนาม ยังคงเป็นข้อจำกัดข้อหนึ่งสำหรับการลงทุนของเอกชนทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศเมื่อโครงการดังกล่าวสำเร็จแล้วจะส่งผลให้ ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าจากภาคเหนือลงไปสู่ภาคใต้ของเวียดนามจะมีราคาถูกลงมากกว่าการขนส่งสินค้าไปยังประเทศสิงคโปร์

รัฐบาลเวียดนาม เปิดเผยต่อไปว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้จะมีการระดมเงินทุนผ่านการกู้ยืมเงินจากทั้งในประเทศและความช่วยเหลือเงินกู้จากต่างประเทศ โดยตั้งเพดานการกู้ยืมเงินไม่เกิน 30% หรือราว 20,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 703,500 ล้านบาทของมูลค่าโครงการทั้งหมด ขณะนี้กำลังจะมีการพิจารณาเลือกรูปแบบรถไฟความเร็วสูงเปรียบเทียบกันระหว่างของญี่ปุ่นและจีน

ทั้งนี้การเดินทางจากกรุงฮานอยซึ่งอยู่ทางภาคเหนือไปถึงเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศเวียดนามนั้นหากเป็นการเดินทางโดยรถไฟปกติ จะใช้เวลาระหว่าง 34 ถึง 38 ชั่วโมงมีค่าใช้จ่าย 64 ถึง 92 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,240-3,220 บาท สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบินจะมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 100 ถึง 360 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3,500-12,600 บาท

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles