นายยูมิ โยชิกาวะ สมาชิกสภาพรรคเสรีประชาธิปไตย กล่าวว่าอัตราภาษีที่เก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเก็บเมื่อเดินทางออกจากญี่ปุ่นนั้น ควรมีการปรับเพิ่ม และเพิ่มภาษีส่วนนี้ให้อยู่ในระดับเดียวกับประเทศอื่น ๆ ข้อเสนอดังกล่าวสอดคล้องกับนายชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่กำลังส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจะพิจารณาแนวคิดนี้
รัฐบาลญี่ปุ่นใช้นโยบายการเก็บภาษีผู้โดยสารขาออกมาตั้งแต่ปี 2019 หรือตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 เพื่อหารายได้นำไปขยายและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว อัตราภาษีดังกล่าวเก็บที่ 1,000 เยน หรือประมาณ 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน หรือราว 227.50 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราภาษีดังกล่าวในประเทศอื่นๆ พบว่า สหรัฐอเมริกาเก็บที่ 22.20 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 732 บาท อียิปต์เก็บที่ 25 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 825 บาท และออสเตรเลียเก็บที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,485 บาท
ด้านกระทรวงการคลังญี่ปุ่น รายงานว่า รายได้จากภาษีดังกล่าวในปีงบประมาณ 2024 เพิ่มขึ้นแตะ 48,100 ล้านเยน หรือ 332 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 10,956 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อีกหนึ่งแนวทาง คือ การทบทวน หรือยกเลิกข้อยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับชาวต่างชาติ ที่ซื้อสินค้าแบบปลอดภาษี หรือ Duty-free ข้อเสนอนี้เป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนซื้อสินค้าจากญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและยานั้นเป็นการซื้อเพื่อนำไปขายต่อ และธุรกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นเฉพาะในเขตเมืองใหญ่
ช่วงผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้เสนอแนวทางเพื่อแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าว เช่น การจัดตั้งระบบใหม่ที่มีกำหนดเริ่มใช้ในเดือนพ.ย. 2026 รัฐบาลญี่ปุ่นจะคืนเงินภาษีก็ต่อเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว และมีการตรวจสอบแล้วว่าสินค้าได้ถูกนำออกไปจริง แต่ระบบนี้อาจไม่ได้ผล และอาจทำให้การฉ้อโกงมีความซับซ้อนมากขึ้น
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นกำหนดเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ 60 ล้านคนภายในปี 2030 หรือกว่า 70% จากปี 2024 แต่หากต้องจ่ายภาษีสูงเกินไป ก็อาจทำให้นักท่องเที่ยวลังเลที่จะเดินทางมา และส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกและอุตสาหกรรมอื่นๆ