นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า ได้เลื่อนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่าหากสถานการณ์เหมาะสม ก็พร้อมจะนำขึันมาพิจารณาใหม่
ทั้งนี้เป็นไปตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่าปีนี้จะขยายตัวเพียง 1.8% จากปัญหาที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้ทำให้สะดุดกันทั่วโลก ไทยเองก็ต้องทบทวน เพราะเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวลดลงก็กระทบทั้งเรื่องส่งออกและการจ้างงาน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้คิดคนเดียว ก่อนหน้านี้สภาพัฒน์ก็มีความเห็นให้ทบทวนโครงการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีความเห็นทำนองเดียวกัน ส่วนจะนำโครงการนี้กลับมาอีกหรือไม่ต้องดูสถานการณ์เศรษฐกิจก่อน
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นชอบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนโครงการที่เสนอใช้งบกลาง ปี 2568 วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท โดยมุ่งผลักดันโครงการ บริหารจัดการน้ำ , โครงการระบบคมนาคมขนส่ง , การปรับปรุงห้องน้ำ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว , มาตรการด้านการศึกษาของเยาวชน ตลอดจน ทบทวนโครงการขอรับจัดสรรงบประมาณ ภายใต้โครงการกองทุนหมู่บ้าน หรือ SML
ควบคู่กับการสนับสนุนให้ สถาบันการเงิน ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน เพื่อประคองการจ้างงานของภาคการผลิต เอสเอ็มอี ในห่วงโซ่การผลิต คาดว่าจะช่วยประคองจีดีพี ขยายตัวไม่น้อยกว่า ร้อยละ 0.7-1
นอกจากนี้ รัฐบาลจะขอใช้กลไกในสภาฯ และคณะกรรมาธิการ เพื่อทบทวนกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 และ 2570 เพื่อผลักดันโครงการปรับปรุงภาคการผลิต ระบบโลจิสติกส์ และโครงการบริหารจัดการน้ำระยะยาว โดยยังไม่มีแผนจะกู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท แต่เป็นเพียงการคาดการณ์เม็ดเงินที่จำเป็นต้องอัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจเพื่อรับมือภาษีสหรัฐฯ เท่านั้น