พนมเปญโพสต์ ซึ่งเป็นสำนักข่าว และสื่อภาษาอังกฤษชื่อดังระดับประเทศของกัมพูชา รายงานข่าวว่า รัฐบาลแห่งประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลกัมพูชายื่นคำร้องประท้วงอย่างเป็นทางการต่อการใช้กำลัง โดยไม่มีการยั่วยุ ซึ่งถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และหลักการแห่งความเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีของกัมพูชา ตามที่ระบุในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เมื่อปี 2543 ระหว่างทั้งสองประเทศ เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่ากังวลหลายประการ ที่เน้นย้ำถึงข้อจำกัดของกลไกการแก้ไขข้อพิพาทในปัจจุบัน ในประเด็นขัดแย้งที่มีมายาวนานตามแนวชายแดนร่วม
ด้วยเหตุนี้และเพื่อผลประโยชน์ของการหาทางออกที่ยุติธรรม เป็นกลาง และยั่งยืน เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2025 รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจที่จะส่งข้อพิพาทในประเด็นอ่อนไหว 4 ประเด็น ได้แก่ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) ในกรุงเฮก ทั้ง 4 ประเด็นยังไม่ได้รับการแก้ไขและมีความอ่อนไหวมาเป็นเวลานาน รวมถึงอาจเพิ่มความตึงเครียดได้หากไม่ได้รับการแก้ไข การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นเอกฉันท์จากการประชุมสมัชชาร่วมครั้งแรกของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและวุฒิสภาในวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากการส่งเรื่องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พื้นที่ทั้ง 4 ที่กล่าวข้างต้นจะไม่รวมอยู่ในวาระการประชุมเจบีซีครั้งต่อไป กัมพูชาหวังว่าประเทศไทยจะให้ความร่วมมือในการส่งกรณีนี้ไปยังศาลไอซีเจ โดยคำนึงถึงความยุติธรรม การสร้างความไว้วางใจ มิตรภาพระยะยาว และความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี แต่หากไม่สามารถบรรลุความร่วมมือได้ กัมพูชาก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อไปอย่างอิสระ
ก่อนหน้านี้ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศผ่านสื่อโซเชียลว่ารัฐบาลกัมพูชาจะนำข้อพิพาทชายแดนกัมพูชากับไทยโดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่รอบบริเวณ 3 ปราสาท ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ติดกับชายแดนไทยกับกัมพูชา ปราสาทตาเมือนโต๊ด ตั้งอยู่ที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และปราสาทตาควาย (Ta Kra Bei Temple) และพื้นที่มุมไบ หรือสามเหลี่ยมมรกต (Mom Bai) ขึ้นสู่ศาลศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศกัมพูชายึดหลักการการแก้ไขอย่างสันติกับข้อพิพาทชายแดนผ่านกลไกทางเทคนิค และกฎหมายสากล นอกจากนี้ จะมีการประชุมด่วนของคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) กับประเทศไทย เพื่อหารือและดำเนินการตีเส้นเขตแดน และติดตั้งหลักเขตแดนต่อไป
ทั้งนี้ นายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวว่าขอแสดงจุดยืนสนับสนุนแผนการนำข้อพิพาทไปสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศดังกล่าว ระบุว่าบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในปี 2000 ยังคงไม่ก้าวหน้า ถ้าประเทศไทยมีความจริงใจในการทุ่มเทที่จะแก้ไขปัญหา ประเทศไทยควรยินยอมร่วมกันนำเรื่องไปสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศโดยไม่ต้องรอให้กัมพูชาดำเนินการยื่นฟ้องร้องต่อศาลดังกล่าว กัมพูชารอคอยท่าทีนี้ของประเทศไทยว่าจะมีจุดยืนต่อประเด็นนี้อย่างไร ประเทศไทยจะกล้า หรือไม่กล้า?