นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรี และครม. ว่า การแก้ไขปัญาชายแดนไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางเรื่องไม่สามารถเปิดเผยได้ในทุกขั้นตอนของการเจรจา แต่รัฐบาลได้ยึดประโยชน์ และความปลอดภัยของประชาชน และประเทศเป็นหลัก
ทั้งนี้ ผลการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการเจรจาขณะนี้ได้ดำเนินการให้พื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี กลับไปอยู่ในสภาพเดิมเหมือนเช่นเมื่อปี 67 โดยรัฐบาลกัมพูชา ได้ดำเนินการตามการเจรจาของรัฐบาลไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยได้กลบคืน “คูเลต” (แนวสนามเพลาะ) คืนสู่สภาพเดิม และปรับกำลังกลับไปอยู่ในที่ตั้งเดิม ตามข้อตกลง MOU 43
ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมร่วมประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission: JBC) ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้
โดย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ประเทศไทย ยืนยันไม่รับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก ส่วนการแก้ไขปัญหาชายแดน ได้เสนอให้ไม่มีการปิดด่านถาวร โดยเน้นหลักการเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก โดยได้ลำดับความสำคัญ เช่น การจำกัดคนเข้า-ออก, จำกัดเวลาปิดตามสถานการณ์ความเหมาะสม เช่น การปิดบางจุด หรือปิดตลอดแนว โดยมีเป้าหมายสำคัญให้ประชาชนได้รับความปลอดภัย