นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพและให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นโดยการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐที่มีสัญชาติไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะจ่ายเงินแก่กลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,000 บาทต่อคน โดยรัฐบาลกำหนดจ่ายเงินครั้งแรกภายในเดือนมกราคมนี้ ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่เคยลงทะเบียนไว้แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันในโครงการนี้ว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคมนี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ให้ผู้ใช้แรงงานมีรายได้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพและสามารถดูแลครอบครัวได้ โดยเฉพาะเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และค่าครองชีพในปัจจุบันอย่างเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ จะทำให้ลูกจ้างมีกำลังใจในการทำงานซึ่งจะส่งผลต่อเจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการที่จะมีการเติบโตในธุรกิจมากขึ้นจากพละกำลังของลูกจ้าง ทำให้มีพละกำลังในการดำรงชีวิตมากขึ้น
“รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่ม ขึ้นวันละ 7 บาท ถึง 55 บาท เป็นอัตราวันละ 337 ถึง 400 บาท และกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดนำร่อง ส่วนจังหวัดอื่น ๆ จะทยอยปรับตามต่อไป ทั้งนี้ การปรับค่าแรงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา”