กระทรวงการคลัง เปิดตัวโครงการ ” Ignite Finance ” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญหนึ่งในวิสัยทัศน์ “Ignite Thailand” ของนายกรัฐมนตรีที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลาง 8 อุตสาหกรรมหลัก โดย “Ignite Finance” มีเป้าหมายเพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก พร้อมเตรียมเปิดสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินให้ประชาชน และธุรกิจรายย่อย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศเพื่อนบ้าน ปรับแก้กฏหมายให้เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจ การลงทุน ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมบ้านเขาทำได้ และที่ผ่านมาทำไมนักลงทุนถึงไม่เลือกประเทศไทย ซึ่งการออกไปคุยกับนักลงทุนทำให้เข้าใจดีว่า หัวใจของการสร้างอุตสาหกรรมนี้ คือ การมีกฏหมายที่ชัดเจนสำหรับการดำเนินธุรกิจ และการมี Facility สำหรับคนทำงานที่ดีพอ ซึ่งมั่นใจว่า Facility ต่าง ๆ ในประเทศไทยนั้น World Class ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร โรงพยาบาล โรงเรียน international สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
ขณะเดียวกันการผลักดัน Innovation ใหม่ ๆ ทางระบบการเงิน ไม่ว่าจะเป็น Virtual Bank หรือการค้ำประกันสินเชื่อ จะเป็นการสร้าง Inclusive Innovation ด้านการเงินให้กับคนไทย ทำให้เข้าถึงระบบการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น นำไปสู่การลงทุน การสร้างงาน การสร่งรายได้ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนได้ในที่สุด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำว่าการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ไม่ใช่สร้างประโยชน์ให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินเพียงอย่างเดียว แต่คือกลยุทธ์ที่ประเทศไทยจะดึงดูดเงินทุน คนที่มีความรู้ความสามารถ ตลอดจนองค์ความรู้ให้เข้ามาอยู่ในประเทศ สร้างประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของโลกและประเทศไทย โดยถือว่านโยบายนี้เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณลงทุน และมีผลตอบแทนมหาศาลต่อประเทศ และคุ้มค่าอย่างยิ่งต่อการเดินหน้าเต็มที่
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะผลิกโฉมนโยบายระบบสถาบันการเงิน ด้วยการริเริ่มนโยบายระบบสถาบันการเงินภายในประเทศที่สำคัญ โดยกระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อให้มีการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) และการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency: NaCGA) โดยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม และเพิ่มการเข้าถึงทางการเงินของประชาชน และผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้ระบบการเงินมีประสิทธิภาพ มั่นคง และตอบโจทย์ของประชาชน
ทั้งนี้ กุญแจสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการเงินโลก หรือ Thailand Financial Center ที่จะเน้นการประกอบธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจประกันภัย ได้แก่
1. กฎหมายที่พร้อมรับอนาคต: โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการยกร่างกฎหมายที่มีความยืดหยุ่น โปร่งใส และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ ภายใต้โครงการ Ignite Thailand ภาครัฐจะผลักดันร่างกฎหมายที่จะสร้างกรอบการกำกับดูแลแบบเบ็ดเสร็จเพื่อให้กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การขอใบอนุญาตจนถึงการกำกับดูแลมีประสิทธิภาพอีกทั้งเพื่อให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็วและตอบโจทย์ผู้ประกอบธุรกิจเพื่อขยายขอบเขตและบทบาทของภาคการเงินของประเทศไทยในเวทีโลก
2. สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่: Ignite Finance จะสร้างให้ประเทศไทยเป็นตัวเลือกแรก ที่สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการทางการเงินเลือกที่จะมาตั้งสาขาและประกอบธุรกิจ ด้วยสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งบริษัท และการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว การให้วีซ่าทำงานแก่บุคลากร และวีซ่าที่เกี่ยวข้องของครอบครัว การจัดเก็บภาษีที่เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น โครงการเพิ่มแรงจูงใจอื่น ๆ เช่น เงินสนับสนุน (Grant)
3. ระบบนิเวศน์แห่งอนาคต: Ignite Finance จะพัฒนากรอบกฎหมายที่เข้มแข็งและโปร่งใส ที่จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการทำธุรกิจทางการเงิน เหมือนที่ประเทศไทยได้ออกกฎหมายว่าด้วยการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนธุรกิจ และคุณภาพชีวิตของบุคลากร