นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ข้อเสนอใหม่ที่ไทยเราส่งไปให้พิจารณาโดยเราเปิดตลาดให้สหรัฐแล้ว 63-64% และเพิ่มเป็น 69% เรามีการเปิดตลาดสินค้าบางอย่างที่เราไม่เคยเปิด เราก็ต้องเปิดมากขึ้น ในเบื้องต้น เช่น ลำไย ปลานิล ตามที่สหรัฐขอไว้ ส่วนตลาดยานยนต์นั้น กำลังพิจารณาเดิมไทยผลิตเยอะ ก็จะไม่ได้เปิดให้ แต่ถ้าไทยเปิดให้ สหรัฐก็คงเข้ามาไม่ได้ง่าย เช่น รถพวงมาลัยซ้าย สหรัฐมีตลาดอื่นทั่วโลกคงไม่ได้เข้ามาขายที่เรามาก
สิ่งที่ต้องระวัง คือ รายการสินค้าใดที่เปิดกว้าง อยากซื้อ แน่นอนว่า ประเทศเกือบทุกประเทศ ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอมานานมาก มีไม่เยอะที่ไม่ใช่ 0% ดังนั้น เพื่อให้เกิดการนำเข้าและแข่งขันได้ สินค้าหลายอย่างซึ่งเป็น 0% อยู่แล้ว ก็ต้องเสนอให้ใกล้ 0% เพื่อให้เกิดการลงทุนได้ ยืนยันว่าสิ่งที่ไทยจะนำเข้า คือ สิ่งที่ไทยผลิตไม่ได้ หรือ ผลิตในไทยแต่ไม่เพียงพอ แต่ก็ต้องมีการกำหนดภาษีใช้ปกป้องภาคการผลิตของไทยด้วย
สิ่งที่เราเห็นได้ในช่วงที่ผ่านมาคือความพยายามของสหรัฐในการลดการขาดดุลการค้า โดยต้องการเพิ่มการเปิดตลาดเพื่อให้สินค้าสหรัฐเข้าสู่ตลาดต่างๆมากขึ้น การเจรจาในครั้งนี้ยอมรับว่าสหรัฐใช้การเจรจาที่เป็นข้อเสนอฝ่ายเดียว ที่ไม่เหมือนกับการเจรจาข้อตกลงเสรีทางการค้า สหรัฐเสนอว่าจะต้องการสิ่งที่แตกต่าง ซึ่งไม่เหมือนกับการเจรจาที่ผ่านมาที่เป็นการเจราที่ฟังข้อเสนอของทั้งสองฝ่าย
ถ้าเราตกลงไม่ได้ จะเจอกำแพงภาษีอย่างแน่นอน และมีข้อเสนออื่นๆที่ไม่ใช่ภาษี ไทยเราต้องถามตัวเองว่าเรามีศักยภาพอแค่ไหน เพราะทุกวันนี้ ไทยพึ่งพาการส่งออกมาก ไทยส่งออกไปสหรัฐถึง 18% เราต้องมีการเจรจาในเรื่องของหลักการ คือต้องเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษี และต้องดูเงื่อนไข ว่าอะไรจะกระทบกับประเทศที่ 3 และประเทศคู่ค้าอื่นๆ เรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ ต้องดูว่ามีการเจรจาที่ไม่เป็นการชักศึกเข้าบ้านด้วย
การเจรจาภาษีกับสหรัฐอยู่บนหลักการที่ทีมเจรจายึดอยู่ 3 หลัก ได้แก่ ไทยเปิดตลาดให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่สหรัฐอยากขาย และเราอยากซื้อ แต่ไทยเราต้องดูเรื่องของการเปิดตลาดที่ไม่กระทบกับการทำ FTA ของประเทศต่างๆที่ทำกับไทย โดยการเสนอให้สหรัฐนำสินค้าเข้ามาในระดับ 0% ที่ไทยผลิตไม่ได้ และต้องนำเข้า หรือของที่ผลิตในไทยแล้วไม่เพียงพอ โดยการป้องกันภาคการผลิตของไทยโดยเฉพาะในภาคเกษตร
การส่งเสริมการลงทุนของธุรกิจไทยในสหรัฐมากขึ้น เช่น การลงทุนเรื่องเกษตรแปรรูป เรื่องของสินค้าที่เราต้องซื้อจากสหรัฐ โดยจะพิจารณาด้านพลังงานมากขึ้น ปัจจุบันสหรัฐมีปริมาณสำรองเรื่องของพลังงานค่อนข้างมากทำให้ราคาพลังงานมีราคาต่ำ
การให้ความสำคัญกับการป้องกันการสวมสิทธิ์สินค้า โดยข้อเสนอของสหรัฐนั้นจะให้มีการเพิ่มการใช้วัตถุดิบหรือส่วนประกอบที่มีการผลิตในประเทศไทย ต้องดูว่าสหรัฐจะกำหนดในสัดส่วนเท่าไหร่ อาจจะเพิ่มจาก 40% ในปัจจุบัน อาจเพิ่มเป็น 60-70% ที่เป็นต้นทุนที่จะใช้จากประเทศไทย และประเทศต่างๆที่สหรัฐกำหนดมากขึ้น เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์