นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงนโยบายด้านเศรษฐกิจต่อที่ประชุมรัฐสภาวันนี้( 30 ก.ย.) ว่า รัฐบาลจะดำเนินนโยบาย 4 เดือน Big Quick Win 5 เสาหลัก เพื่อกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องที่ยว, ลดภาระหนี้ประชาชน, เพิ่มสภาพคล่องให้ SMEs, เพิ่มการออกของประชาชน และ การลงทุนเพื่ออนาคต โดยมีเป้าหมาย ระยะสั้น เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ หนี้ลด ออมเพิ่ม เสริมสภาพคล่อง ส่วนระยะยาว การดึงดูดการลงทุน และ วางรากฐานเพื่ออนาคต เพิ่มทักษะรองรับอุตสาหกรรมใหม่ รวมทั้งรักษาเสถียรภาพการคลัง
ตัวชี้วัดที่วัดได้จริง คือ เศรษฐกิจไตรมาส 4/68 จะขยายตัวเพิ่มได้มากกว่า 0.3% ต่อปี , หนี้ครัวเรือนลดลงต่ำกว่า 87.4% ของ GDP, สภาพคล่อง SMEs เพิ่มขึ้น, ประชาชนมีช่องทางการออมระยะยาวมากขึ้น และ เงินลงทุนเพื่ออนาคตเข้ามามากขึ้น
นายเอกนิติ กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของ 3 หน่วยงานเศรษฐกิจภาครัฐ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะโตที่ 1.7% แต่ไตรมาสที่ 4 จะเหลือแค่ 0.3% แสดงว่า ใกล้ติดลบมาก โดยเศรษฐกิจไทยปีนี้เปรียบเสมือนรถยนต์กำลัง “วิ่งลงเหว” เพราะเศรษฐกิจไทยมีเครื่องยนต์ 4 ลูกสูบ ประกอบด้วย
1.การส่งออก ซึ่งก่อนที่จะมีการจัดเก็บภาษีทรัมป์ ได้มีการเร่งส่งออก พบว่าครึ่งปีแรกขยายตัวได้ดี เฉลี่ยอยู่ที่ 3% แต่ในช่วงหลังการส่งออกกำลังแผ่วและค่อย ๆ ดับลง เพราะโดนเก็บภาษีไปแล้ว
2.การบริโภคภาคเอกชน ตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) การบริโภคภาคเอกชนเดือนก.ค.ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบปี เป็นผลมาจากความเชื่อมั่น ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สะสมมานาน คนไม่มีรายได้ ถือเป็นเครื่องยนต์ที่เริ่มแผ่วและกำลังจะดับลงเช่นกัน
3.การลงทุนภาคเอกชน ทุกวันนี้อัตราการใช้กำลังการผลิตไม่ถึง 60% ซึ่งเครื่องยนต์นี้ก็เตรียมดับเช่นเดียวกัน
4.การใช้จ่ายรัฐบาล ซึ่งเครื่องยนต์นี้น้ำหนักตัวเล็ก แต่เป็นเครื่องยนต์เดียวที่มีอยู่
ทั้งนี้ โจทย์เศรษฐกิจของรัฐบาล มีทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาที่สะสมมานาน ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อลดลง สภาพคล่องลดลง หนี้ครัวเรือนสูง ผลิตภาพการผลิตลดลง โดยที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเกือบทุกวัน เพื่อวางแผนแนวนโยบายเศรษฐกิจ
จากปัญหาที่กล่าวว่า แนวนโยบายของรัฐบาล จึงเน้น เรื่อง “Quick Big Win” Quick คือ ทำสั้น ทำเร็ว ทำทันที Big คือ ต้องใหญ่พอที่ดันเครื่องยนต์ที่กำลังติดหล่มให้พ้นเหวได้ และ Win คือ ให้ประชาชน ผู้ประกอบการรายเล็ก รายย่อย ให้กระจายตัวไปทุกพื้นที่ให้ได้ประโยชน์ แบ่งเป็น 5 เสาหลัก และ 1 ฐานราก ประกอบด้วย
1.กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ด้วยโครงการคนละครึ่ง พลัส เพื่อช่วยค่าครองชีพของประชาชน โดยเรื่องนี้เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า โดยรัฐบาลสมทบ 200 บาท ประชาชนสมทบ 200 บาท สามารถสะสมได้ และได้เริ่มใช้ในเดือนต.ค.แน่นอน
ส่วนพ่อค้าแม่ค้าให้เฉพาะรายเล็ก รายย่อย หาบเร่ แผงลอย และแท็กซี่ โดยกรอบงบประมาณไม่ได้มีการกู้เพิ่ม ไม่ได้ใช้เงินใหม่ ใช้กรอบงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐาลที่ผ่านมา แต่ใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท บวกกับ งบกลาง 19,000 ล้านบาทโดยไม่ได้เสียวินัยการเงินการคลัง รวมทั้งยังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการท่องเที่ยวเมืองรอง ให้มีการลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ในการพัฒนาปรับปรุงตกแต่งโรงแรมในเมืองรองให้น่าอยู่ขึ้น
2.ลดภาระหนี้ประชาชน เรามีงบประมาณที่ธนาคารพาณิชย์ส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูและสถาบันการเงิน ซึ่งเคยนำไปใช้ในโครงการคุณสู้เราช่วย จากเม็ดเงิน 36,000 ล้านบาท ตอนนี้เหลืออยู่ 26,000 ล้านบาท โดยจะนำส่วนนี้มาตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ร่วมกับธนาคารในการซื้อหนี้ประชาชนที่เป็นหนี้เสีย NPL ออกมา แล้วนำมาหนี้ตรงนี้มาปรับโครงสร้างหนี้ มีการยืดหนี้ ลดดอกเบี้ย เพื่อให้สภาพคล่องดีขึ้น และมีสินเชื่อเพื่อคนตัวเล็ก เป็นการปล่อยสินเชื่อตามความเสี่ยง ให้สามารถกู้เงินในระบบได้
3.เพิ่มสภาพคล่องให้ SME โดยให้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มาค้ำประกัน ตอนนี้ได้เตรียมวงเงินไว้แล้วขั้นต่ำ 50,000 ล้านบาท และมีโครงการพี่ช่วยน้อง สามารถลดหย่อยภาษีได้ และให้ธนาคารมาช่วยสนับสนุน SME ผ่านโครงการสินเชื่อ Supply Chain รวมถึงได้เตรียมคืนภาษีให้กับ SME ซึ่งมีการเตรียมเงินไว้แล้ว 1.6 แสนล้านบาท และเงินจะเข้าสู่ระบบ SME ทันที
4.เพิ่มการออมภาคประชาชน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มีการซื้อสลากอยู่แล้ว และเป็นคนละส่วนกับหวยเกษียณ โดยทำเรื่องสลากเพื่อการออม และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการออม
5.การลงทุนเพื่ออนาคต ด้วยการ reskill เพิ่มทักษะสูง จับมือกับภาคเอกชน ที่ได้การส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อผลิตแรงงานให้ตรงกับความต้องการ และจะมีโครงการ Fast Pass ของบีโอไอ เพื่อเป็นการปลดล็อกระเบียบกติกา ทำให้เกิดการลงทุนใหม่ รวมถึง การส่งเสริมพลังงานสะอาด
นายเอกนิติ ยืนยันว่า กระทรวงจะรักษาวินัยเสถียรภาพการคลัง โดยในเดือนพ.ย.จะมีการวางกรอบวินัยทางการคลังระยะปานกลาง เพื่อสร้างความมั่นใจให้บริษัทเรทติงว่า เรามีแผนชัดเจน โปร่งใส เปิดเผยข้อมูลมากขึ้น และมีธรรมาภิบาลของระบบการคลัง และมีเป้าหมายที่ชัด คือ ทำให้หนี้ครัวเรือนลดลงต่ำกว่า 87.4% ของจีดีพี และมีสภาพคล่อง SME เพิ่มขึ้น ประชาชนมีช่องทางการออมระยะยาวมากขึ้น รวมถึง เงินลงทุนเพื่ออนาคตเข้ามากขึ้น โดยปัญหาเศรษฐกิจไทย ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่งแต่ทุกคนต้องช่วยกันทำให้รถยนต์เศรษฐกิจฟื้นจากหล่ม ไม่ตกเหว อย่างน้อยใน 4 เดือน ฟื้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้ ไม่ให้ติดหล่ม ช่วยประชาชนและ SME ที่เดือดร้อนได้ และเพิ่มขีดความสามารถในระยะยาวได้ ตั้งเป้าหมายจีดีพีไตรมาส 4 ต้องทำให้ดีกว่า 0.3%