นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลประกาศยุบสภาว่า ถือเป็นทางเลือกใหม่ โดยอยากฝากถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศให้เข้ามาดูแลและรับฟังความเห็นจากชาวนาให้มากขึ้น
ปัจจุบันสถานการณ์ราคาข้าวในปัจจุบันน่าเป็นห่วง โดยราคาข้าวเปลือกสดที่เกี่ยวได้ในมีความชื้น 30-50% อยู่ที่ประมาณ 3,500-3,600 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 10-20 ปี แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายช่วยเหลือชาวนาด้วยเงินไร่ละ 1,000 บาท จึงอยากให้รัฐบาลใหม่เร่งให้ความสำคัญและแก้ไขปัญหาสภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนาที่กำลังเผชิญกับวิกฤตหลายด้าน ทั้งปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การขาดแคลนแหล่งน้ำ และผลกระทบจากมาตรการภาครัฐที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวนา
ส่วนสาเหตุหลักของปัญหาราคาตกต่ำมาจากหลายปัจจัย ประการแรกคือต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับราคาที่ได้จากการขายข้าว ทำให้ชาวนาขาดทุน ประการที่สองคือการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ อินเดีย จีน และเวียดนาม ที่ส่งออกข้าวในราคาที่ต่ำกว่าไทย เนื่องจากต้นทุนการผลิตของไทยที่สูงกว่า
ขณะที่ สถานการณ์น้ำท่วมจากการระบายน้ำจากภาคเหนือลงมา เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของชาวนา โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางอย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวนาจำเป็นต้องเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำ แม้ว่าข้าวจะยังไม่สุกเต็มที่ ทำให้ได้ข้าวสดที่มีความชื้นสูงและถูกกดราคา ส่งผลให้ชาวนาขาดทุนและเป็นหนี้สิน
ทั้งนี้ คุณภาพข้าวไทยว่ามีคุณภาพดี แต่ราคาขายของเรายังสูงกว่าคู่แข่ง ชาวนาได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต และนำไปสู่ปัญหาหนี้สินที่ขยายวงกว้าง อยากเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตข้าวอย่างยั่งยืน โดยเน้นการลดภาระและเพิ่มขีดความสามารถให้ชาวนาไม่ต้องพึ่งพิงการช่วยเหลือแบบครั้งคราว การสนับสนุนปัจจัยนอกจากนี้ ควรจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ และช่วยลดต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง รวมทั้งการหาตลาดใหม่ๆ สำหรับข้าวไทย โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่มที่ได้รับความต้องการจากต่างประเทศ ชาวนาไทยในฐานะผู้ผลิตพร้อมที่จะผลิตตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ และต้องการให้มีการส่งออกข้าวเพิ่มมากขึ้น