ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปี 2568 เป็นปีที่ราคาข้าวไทยหดตัวครั้งแรกในรอบ 4 ปี จากแรงกดดันด้านผลผลิตที่พุ่งสูงและอินเดียเร่งยอดส่งออกข้าว
โดยราคาข้าวไทยในปี 2568 คาดหดตัวลึกถึง 10.9% ไปเฉลี่ยอยู่ที่ 11,175 บาทต่อตัน หลังจากในช่วงปี 2565-2567 มีราคาเติบโตดีเฉลี่ยถึง 6.4% ต่อปี (รูปที่ 1) ทั้งนี้ ปัจจัยฉุดราคาที่สำคัญมาจากผลผลิตข้าวในระดับสูง ด้วยสภาพอากาศที่เป็นปรากฏการณ์ลานีญาเอื้อต่อการผลิต โดยไทยมีผลผลิตข้าวพุ่งแตะ 35.8 ล้านตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต[1]ถึง 1.11 เท่า สอดคล้องไปกับผลผลิตข้าวโลกที่เพิ่มขึ้น 3.3% ดันสต็อกข้าวโลกเพิ่ม 5% และมีอุปทานส่วนเกินโลกสูงถึง 8.98 ล้านตัน[2]
นอกจากนี้ อินเดียยังได้เร่งส่งออกข้าวเพิ่มกว่า 34.2%[3] จากแรงหนุนด้านผลผลิตในประเทศที่สูงถึง 150 ล้านตัน ฉุดราคาข้าวโลกให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งฟิลิปปินส์ยังได้สั่งงดนำเข้าข้าวตั้งแต่เดือนก.ย. 2568 ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกและราคาข้าวไทยปรับลดลง
ราคาข้าวไทยคาดยังปรับลดลงในไตรมาสแรกปี 2569 ที่ 0.9% จากผลผลิตยังสูงและอุปสงค์ที่ลดลงในผู้นำเข้าหลัก
สภาพอากาศที่ยังเอื้อต่อการผลิตของปรากฏการณ์ลานีญาที่คงมีอยู่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569 (รูปที่ 2-3) จะช่วยหนุนผลผลิตข้าวไทยให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในฤดูข้าวนาปรังที่จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดราว 41.8% ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด จะส่งผลให้ราคาข้าวปรับลดลง
นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวปรับลดลง คือ ผู้นำเข้าหลักอย่างฟิลิปปินส์ที่งดการนำเข้าข้าวไปจนถึงเดือนเม.ย. 2569[4] ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และจะยิ่งกดดันราคาข้าว อีกทั้งยังส่งผลต่อการส่งออกข้าวไทยไปฟิลิปปินส์ให้ลดลงด้วย ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยเป็นอันดับที่ 5 คิดเป็น 6.2% ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมดของไทย
ทั้งปี 2569 ราคาข้าวไทยอาจฟื้นขึ้นได้เล็กน้อยราว 0.8% เป็นไปตามราคาข้าวโลกที่เผชิญอุปสงค์ส่วนเกิน
ราคาข้าวไทยทั้งปี 2569 คาดขยับขึ้นเล็กน้อยไปเฉลี่ยอยู่ที่ 11,264 บาทต่อตัน เป็นไปตามราคาข้าวโลกที่เผชิญอุปสงค์ส่วนเกิน
สำหรับปัจจัยหนุนราคาข้าวในตลาดโลกทั้งปี 2569 มีดังนี้
-อุปสงค์ส่วนเกินของโลกอยู่ที่ 1.1 ล้านตัน โดยคาดว่าความต้องการบริโภคอยู่ที่ 542.2 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตอยู่ที่ 541.1 ล้านตัน ทั้งนี้ ผลผลิตอาจเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยเพียง 0.03%[5] เนื่องจากผลกระทบของสภาพอากาศที่ร้อนแล้งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จนอาจเกิดเป็นปรากฏการณ์เอลนีโญ (รูปที่ 3)
-สต็อกข้าวของโลกลดลง 0.6% ไปอยู่ที่ 187.3 ล้านตัน
-อินเดียส่งออกข้าวในอัตราที่ชะลอลง คาดว่าอินเดียจะมีปริมาณส่งออกข้าวโตชะลอลงมาที่ 4.2% เทียบจากปีก่อนที่โตพุ่งถึง 34.2% สอดคล้องไปกับผลผลิตข้าวในประเทศที่โตชะลอลงมาที่ 0.7% เทียบจากปีก่อนที่โตสูงกว่า 8.8%
อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาพรวมราคาข้าวไทยทั้งปี 2569 จะฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง แต่หากพิจารณาในประเภทข้าวจะพบว่า ข้าวขาว[6] น่าจะยังมีราคาหดตัวอยู่ เนื่องจากเป็นประเภทข้าวที่มีการแข่งขันด้านราคากันอย่างรุนแรงในตลาดโลก ซึ่งข้าวขาวไทยยังแข่งขันได้ยากจากราคาที่แพงกว่าคู่แข่งทั้งอินเดียและเวียดนาม เพราะไทยมีต้นทุนการผลิตสูงและผลผลิตต่อไร่ต่ำกว่าคู่แข่ง
 
								 
															 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								