ราคาทองคำสัปดาห์นี้มีแนวโน้มทรงตัว จับตาเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก การประชุม China Development Forum

ศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยผลสำรวจมุมมองต่อทิศทาง ราคาทอง คำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 24-28 มี.ค.68 จากการสำรวจ GRC Gold Survey พบว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 4 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่า ราคาทองคำ ในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 334 ราย ในจำนวนนี้มี 212 ราย หรือเทียบเป็น 64% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 68 ราย หรือเทียบเป็น 20% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 54 ราย หรือเทียบเป็น 16% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยสถานการณ์ราคาทองคำนั้น ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 47,500 – 48,600 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 48,500 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 1,000 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 47,500 บาท)

ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ การประชุม China Development Forum (CDF) ระหว่างวันที่ 23-24 มีนาคม 2568 ณ กรุงปักกิ่ง โดยมีผู้นำจากภาคธุรกิจระดับโลกเข้าร่วม รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เผชิญแรงกดดันจากภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันผู้กำหนดนโยบายของจีนกำลังเร่ง ส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก

แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะ นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจสร้างแรงกระเพื่อมต่อเศรษฐกิจโลก มาตรการภาษีศุลกากรใหม่มีแนวโน้มทำให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น กระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ขณะที่นโยบายเข้มงวดด้านผู้อพยพอาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น เกษตรกรรม การดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว และการก่อสร้าง

รวมทั้งรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP ไตรมาส 4/2567, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อสำคัญของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่ง อาจทำให้ FED ยังคงชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles