นายไมเคิล วิดเมอร์ หัวหน้านักวิจัย โลหะมีค่า ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา หรือ BOA ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ภาวะกระทิงที่เกิดขึ้นกับตลาดทองคำทั่วโลกโดยปกติจะขึ้นไปทำราคาสูงสุดก็ต่อเมื่อปัจจัยบวกลดหายลงไป ก่อนหน้านี้ได้เคยชี้ให้เห็นความสำคัญของปัจจัยดังกล่าวก่อนที่ตลาดทองคำจะถูกซื้อมากเกินไป อย่างไรก็ตามการลงทุนในทองคำปัจจุบันยังคงมีอยู่น้อยเกินไป จึงทำให้การลงทุนในทองคำยังคงมีช่องว่างอีกมาก เพื่อที่จะมีการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
สำหรับมุมมองราคาทองคำในปี 2026 ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะขึ้นไปถึงระดับ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ นั่นหมายถึงจะมีความต้องการในการลงทุน รวมถึงราคาทองคำในปี 2026 ที่จะเพิ่มขึ้นทั้งปีเพียง 14% ที่จะทำให้ราคาขึ้นมาถึงระดับคาดการณ์ที่ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากราคาคาดการณ์ทองคำตลาดโลกจะขึ้นไปถึงระดับ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในปี 2026 นั่นหมายถึงจะมีความต้องการในการลงทุน รวมถึงราคาทองคำในปี 2026 ที่จะเพิ่มขึ้นทั้งปีถึง 55%
ที่น่าสนใจ พบว่าราคาทองคำตลาดโลกในปีนี้ที่ทะยานขึ้นมาถึงมากกว่า 60% นั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 4% ของตลาดการเงินทั่วโลก นอกจากนี้นักลงทุนประเภทความมั่งคั่งสูง หรือ High Net Worth มีการลงทุนและถือครองทองคำเพียงแค่ 0.5% ของสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกมีการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศในภาพรวมโดยเฉลี่ยถึงระดับ 15% ซึ่งยังห่างจากการคาดการณ์สัดส่วนการถือครองทองคำในภาพรวมที่ธนาคารกลางทั่วโลกควรจะมีสินทรัพย์ประเภททองคำเฉลี่ยที่ 30%
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2025 ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นราคาทองคำเฉลี่ยในปีนี้และปีหน้าครั้งใหม่ โดยมองว่าราคาเฉลี่ยทองคำตลาดโลกปี 2025 จะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3,063 จากเดิมที่ 2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือปรับขึ้นอีก 313 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +11.38% สอดคล้องกับในปี 2026 ราคาเฉลี่ยทองคำตลาดโลกปรับขึ้นเป็น 3,350 จากเดิมที่ 2,625 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือปรับขึ้นอีก 725 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +27.62%
สาเหตุมาจากปัจจัยความไม่แน่นอนในนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ความขัดแย้งในปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ ความต้องการของธนาคารกลางในการซื้อทองคำเข้าสะสมเพิ่มขึ้นในทุนสำรองระหว่างประเทศของแต่ละแห่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ไปแตะที่ระดับ 30% ของทุนสำรองระหว่างประเทศจากในปัจจุบันจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 10% ของทุนสำรองระหว่างประเทศของแต่ละธนาคารกลางทั่วโลก
ทั้งนี้ ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่จะส่งผลให้เกิดการทำกำไร และชะลอการลงทุนทองคำได้แก่ การแก้ปัญหาลดภาวะขาดดุลงบประมาณการคลังของรัฐบาลสหรัฐ ความตึงเครียดด้านปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ลดน้อยลง ความสัมพันธ์ในทางที่ดีระหว่างการเมืองในรัฐสภาสหรัฐ รวมถึงมาตรการภาษีต่างตอบแทนที่อาจกําหนดเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะประกาศในวันที่ 2 เมษายนนี้