ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่าวันที่ 20 มีนาคม 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 68.26 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.64% ส่งผลราคาปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม +1.46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.03% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 72.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.72% ส่งผลราคาปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม +1.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.03%
ในสัปดาห์ผ่านไปพบว่าราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาดโลก ปิดที่ -3.9% และ -3.8% ตามลำดับ ส่งผลทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ดำดิ่งมากที่สุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ 21 มกราคม 2024 และดำดิ่งมากที่สุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่ 11 พฤศจิกายน 2024 นอกจากนี้ยังเป็นราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ รายสัปดาห์ที่ปิดลดลงถึง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน ทำสถิติยาวนานที่สุดในรอบ 1 ปี 3 เดือนกว่า สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ รายสัปดาห์ที่ปิดลดลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
สาเหตุจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรกับหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชนในต่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับประเทศอิหร่าน โดยเฉพาะ เป็นครั้งแรกที่มาตรการพุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่บรรดาธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันอิสระสัญชาติจีน รวมถึงเรือขนส่งน้ำมันดิบสัญชาติจีนด้วย สาเหตุจากจีนเป็นประเทศใหญ่ที่สุดที่นำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นจากประเทศอิหร่าน
ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่น ซึ่งได้แก่ น้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา รายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ท่ามกลาง คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 4.25-4.50% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 11 มีนาคมนี้ โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 30-40 สตางค์/ลิตร นับเป็นการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกครั้งที่ 3 ต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นมา ส่งผลเป็นราคาขายปลีกต่ำสุดใน 1 ปี 8 เดือนกว่า หรือตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2023