ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 28 มีนาคม 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 69.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.86% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 73.63 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.5%
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาดโลกปิด +1.6% และ +1.9% ตามลำดับ ส่งผลปิดขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน และตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาดตกค่ำนั้น ปรากฏว่า มีราคาฟื้นตัวสูงขึ้น +6% และ +7% ตามลำดับ
สาเหตุจากตลาดมีความกังวลกับแนวโนเศรษฐกิจสหรัฐจะเกิดถดถอยจากผลพวงของสงครามการค้าทั่วโลก และความไม่แน่นอนของนโยบายและมาตรการเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศมาตรการเก็บภาษีขึ้นสูง 25% กับประเทศใดก็ตามที่ซื้อน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติจากประเทศเวเนซุเอลา ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐประกาศให้ถึงวันที่ 27 มีนาคมนี้ เพื่อให้บริษัทเชฟร่อน ซึ่งเป็นบริษัทผลิพลังงานของสหรัฐอเมริกาลดการดำเนินงานการผลิต และการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจากแหล่งผลิตในประเทศเวเนซุเอลา
ธนาคารเอเอ็นแซด เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันดิบจากอิหร่านจะลดลงราววันละ 1 ล้านบาร์เรล สาเหตุจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรกับหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชนในต่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับประเทศอิหร่าน โดยเฉพาะเป็นครั้งแรกที่มาตรการพุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่บรรดาธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันอิสระสัญชาติจีน รวมถึงเรือขนส่งน้ำมันดิบสัญชาติจีนด้วย สาเหตุจากจีนเป็นประเทศใหญ่ที่สุดที่นำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นจากประเทศอิหร่าน
กลุ่มโอเปกพลัสกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป โดยเพิ่มขึ้นวันละ 138,000 บาร์เรล นับเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบครั้งแรกในรอบ 2 ปีกว่า หรือตั้งแต่ปี 2022 ในปัจจุบันกลุ่มโอเปคพลัสรถกำลังการผลิตลงถึงวันละ 5.85 ล้านบาร์เรล ซึ่งคิดเป็น 5.7% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก โดยทำการลดการผลิตมาตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา
ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออึเอ เปิดเผยการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นตลาด หรือเกินความต้องการบริโภคที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้ากลุ่มโอเปกพลัสมีมติเริ่มทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมีนาคมปี 2025 หากกลุ่มโอเปกพลัสยังคงมติลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเมื่อถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 950,000 บาร์เรล
กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 และปี 2025 ครั้งใหม่ ซึ่งนับเป็นการปรับลดตัวเลขดังกล่าวเป็นครั้งที่ 5 ต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.82 ล้านบาร์เรลต่อวัน สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะที่ในปี 2025 กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ใช้น้ำมันดิบของจีนจากเดิมจะเพิ่มขึ้นวันละ 580,000 บาร์เรล ลงมาอยู่ที่เพิ่มขึ้นเพียงวันละ 480,000 บาร์เรล หรือลดลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน
สำนักพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดราว 1 ล้านบาร์เรล ถึงแม้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่องก็ตาม สาเหตุมาจากสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบมากขึ้นจากนโยบายด้านพลังงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เน้นการผลิตพลังงานจากฟอสซิล
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 27 มีนาคมนี้ โดยลดราคาทุกชนิดลง 50 สตางค์/ลิตร นับเป็นการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกครั้งที่ 4 ต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นมา ส่งผลเป็นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและกลุ่มแก๊สโซฮอลล์มีราคาขายถูกสุดใน 2 ปี 3 เดือนกว่า หรือตั้งแต่ 9 ธันวาคม 2022 และน้ำมันดีเซลมีราคาขายถูกสุดใน 10 เดือน หรือตั้งแต่ 24 พฤษภาคม 2024